คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าลักษณะทางกายวิภาคของสุนัขเป็นอย่างไร อาจดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น แต่ขนที่อ่อนนุ่มซ่อนโครงกระดูกที่ซับซ้อนและแข็งแรงไว้ ซึ่งมีกระดูกมากกว่ามนุษย์มาก! เพื่อให้คุณมีความคิด ขณะที่ผู้ใหญ่มีกระดูก 206 ชิ้น สุนัขโตมีกระดูกมากกว่า 300 ชิ้น แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น! แม้แต่หางของสัตว์ชนิดนี้ก็มีกระดูกสันหลัง ดังนั้นในกรณีของสุนัข โครงกระดูกจึงแบ่งออกเป็นหลายส่วน ได้แก่ หัว คอ ลำตัว แขน ขา และหาง เพื่อให้คุณทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกระดูกสุนัข โปรดดูบทความนี้ที่ Patas เตรียมไว้สำหรับคุณ

กายวิภาคของสุนัขมีกระดูกมากกว่าสามร้อยชิ้น!

เมื่อหัวข้อคือ กายวิภาคของสุนัข กระดูกเปลี่ยนแปลงไปตามสายพันธุ์และเพศของสัตว์ โดยเฉลี่ยแล้ว สุนัขมีกระดูก 319 ถึง 321 ชิ้น และแมวมีกระดูกมากถึง 230 ชิ้น ในขณะที่โครงกระดูกมนุษย์ประกอบด้วยกระดูก 206 ชิ้น

ความแตกต่างอีกอย่างระหว่างโครงกระดูกสุนัขและมนุษย์อยู่ที่ฟัน: เมื่อเทียบกับ ส่วนโค้งของฟันของมนุษย์ ฟันของสุนัขจะแข็งแรงและทนทานมากขึ้น มีเขี้ยวที่พัฒนาดี รายละเอียดที่น่าสนใจคือ เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์สี่เท้า กระดูกสันหลังของสุนัข (และแมวด้วย) จึงเป็นสะพานที่รองรับน้ำหนักทั้งหมดของพวกมัน ในขณะที่กระดูกสันหลังของเราทำหน้าที่เป็นฐานรองรับเพื่อให้เราตั้งตรง

โดยทั่วไปแล้ว องค์ประกอบของกายวิภาคของสุนัขจะเหมือนกันทุกสายพันธุ์ แต่มีประเภทสำหรับปากกระบอกปืนแต่ละประเภท: สายพันธุ์ brachycephalicมีจมูกสั้น เมโสเซฟาลิกเป็นจมูกขนาดกลาง และโดลิโคเซฟาลิกยาวที่สุด

กระดูกสันหลังในโครงกระดูกสุนัขมีสี่ส่วน: คอ ทรวงอก ส่วนเอว และส่วนหาง

กระดูกสันหลังของสุนัขประกอบขึ้น ของกระดูกที่แปลกและผิดปกติซึ่งไหลจากหัวถึงหาง ผลิตขึ้นเพื่อปกป้องอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะไขสันหลัง โดยรองรับน้ำหนักทั้งหมดของสัตว์ และจำเป็นต่อการเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่น

เช่นเดียวกับแมว พวกมันมีกระดูกสันหลังส่วนคอเจ็ดส่วน กระดูกสันหลังส่วนอก 13 ชิ้น กระดูกสันหลังส่วนเอว 7 ชิ้น และ มากถึง 20 กระดูกสันหลังส่วนหาง แม้ว่าแมวจะมีความยืดหยุ่นในกระดูกสันหลังมากกว่า แต่สุนัขก็มีความมั่นคงมากกว่า หากคุณสงสัยว่าโครงกระดูกของสุนัขแบ่งออกอย่างไร โปรดดูรายการด้านล่างซึ่งมีรายละเอียดแต่ละข้อ:

• กระดูกสันหลังส่วนคอ: เชื่อมต่อกันที่ฐานของคอและมี ส่วนหนึ่งของกระดูกสะบักซึ่งอยู่ในบริเวณทรวงอก โดยพื้นฐานแล้ว พวกมันคือฐานกระดูกของคอ
• กระดูกสันหลังทรวงอก: ด้วยกระดูกสันอกที่ด้านล่างและทรวงอกที่ด้านหลัง ส่วนประกอบเหล่านี้ช่วยยึดกระดูกซี่โครงและอวัยวะในช่องท้อง เช่นเดียวกับสะบัก มีความกว้าง ทนทาน และเชื่อมต่อกับส่วนที่ดีของกระดูกซี่โครง
• กระดูกสันหลังส่วนเอว: เป็นส่วนที่แข็งแรงและหนาที่สุดเพื่อรองรับน้ำหนักทั้งหมดของกระดูกสันหลังของสุนัข (ด้วยเหตุนี้ จะมีปัญหาเรื่องกระดูกได้ง่ายกว่า) พวกมันเป็นกระดูกสันหลังที่ใหญ่ที่สุดในกระดูกสันหลัง นอกเหนือจากการรองรับ sacrum ซึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ประกอบด้วยชุดของกระดูกสันหลังที่หลอมรวมกัน
• กระดูกสันหลังส่วนหาง: แท้จริงแล้วคือส่วนหางของสุนัข จำนวนของกระดูกจะแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ และอาจมีตั้งแต่ 5 ถึง 20 กระดูกสันหลัง พวกมันเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลังและเป็นพื้นฐานในการแสดงอารมณ์ของสุนัขโดยเป็นส่วนเสริมของกระดูกสันหลัง ดังนั้น การดึงหางสุนัขหรือตัดหางสุนัขเพื่อความสวยงามจึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง - อาจส่งผลต่อการเคลื่อนที่

โครงกระดูกสุนัข: ขาหน้าเริ่มขึ้น บนกระดูกสะบัก

• กระดูกสะบัก: รองรับน้ำหนักสัตว์ได้มากถึง 60% กระดูกสะบักเป็นกระดูกแบนที่ช่วยให้ผนังทรวงอกเคลื่อนไหวได้หลากหลาย ช่วยพยุงกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวและประกบกับกระดูกต้นแขนส่วนปลาย
• กระดูกต้นแขน: ถือเป็น "ไหล่สุนัข" มันสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกระดูกสะบักและไกลออกไปกับรัศมีและท่อนแขน
• รัศมีและท่อนแขน: สิ่งเหล่านี้ก่อตัวเป็น "แขน" ของสุนัข รัศมีอยู่ด้านหลังและท่อนล่างอยู่ด้านล่าง ทั้งสองมีความยาวและพยุงกันระหว่างการเคลื่อนไหว
• Carpus, metacarpus และ phalanges: carpus คือฝ่ามือ metacarpus เชื่อมต่อระหว่างฝ่ามือกับนิ้วมือ และ phalanges คือนิ้วเท้าของอุ้งเท้าของสุนัข Carpus และ Pasterns มี sesamoids ซึ่งช่วยให้เคลื่อนไหวได้ เท้าหน้าของสุนัขก็เหมือนแมว มี 5 ช่วงยาว 4 ช่วง และอีก 5 ช่วงเล็กเหมือนนิ้วหัวแม่มือ อุ้งเท้าของสุนัขได้รับการปกป้องด้วยเบาะรองนั่งและพวกมันถูกจัดประเภทเป็นสัตว์ดิจิไทเกรด

กระดูกของสุนัขมีความทนทานในบริเวณอุ้งเชิงกราน

กระดูกเชิงกรานรองรับน้ำหนักสัตว์ได้ถึง 40% และ มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเนื่องจากทำหน้าที่ส่งเสริมการเคลื่อนไหวและการพยุงร่างกาย มันถูกแยกออกเป็น: กระดูกเชิงกราน กระดูกโคนขา กระดูกสะบ้า กระดูกหน้าแข้งและกระดูกน่อง และทาร์ซัสเป็นต้นไป

• กระดูกเชิงกราน: เป็นบริเวณเชิงกรานที่เกิดจากกระดูกเชิงกราน cingulum ซึ่งมี ilium, ischium และหัวหน่าว มีหน้าที่ในการตรึงแขนขาส่วนล่างและทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานมั่นคง
• กระดูกโคนขา: เป็นกระดูกทรงกระบอกระหว่างกระดูกเชิงกรานและกระดูกสะบ้า ซึ่งช่วยพยุงแขนขาได้มากขึ้น<8
• กระดูกสะบ้า: เรียกว่า "เข่าของสุนัข" เป็นกระดูกเซซามอยด์สั้นที่ประกบกับโคนขาส่วนปลาย เชื่อมกล้ามเนื้อหลายส่วนในบริเวณนี้
• แข้งและกระดูกน่อง: เชื่อมต่อกันทางด้านข้าง กระดูกหน้าแข้งเป็นกระดูกที่ยาวและใหญ่เหมือนโคนขาและมีหน้าที่ส่งแรงทางกล กระดูกน่องทำหน้าที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อ
• Tarsus, metatarsus และ phalanges: เช่นเดียวกับอุ้งเท้าหน้า tarsus คือฝ่ามือ ส่วน phalanges คือนิ้ว และ metatarsus เชื่อมถึงกัน ไม่เหมือนอุ้งเท้าหน้าตรงที่พวกมันไม่มีพรรคที่ห้า แต่มีเล็บที่เต็มไปด้วยเคราตินและหนังแท้ที่รากของมัน

กะโหลกสุนัขยังมีกระดูกสุนัขอีกหลายชิ้น

สุนัข กะโหลกสุนัขประกอบด้วยขากรรไกรล่างที่มีขากรรไกรล่าง กระดูกฟันหน้า เพดานโหว่ในบริเวณปากกระบอกปืน จมูกโค้งเพื่อให้อากาศผ่านได้ กระดูกขากรรไกรในแต่ละด้าน กระดูกหน้า กระดูกข้างขม่อม ท้ายทอย และกระดูกขมับ หลังมีข้อต่อขมับซึ่งรับผิดชอบในการเปิดและปิดปาก นอกจากนี้ กะโหลกยังมีกระดูกน้ำตาสำหรับดวงตาแต่ละข้างและแก้วหู 2 ข้างที่ป้องกันการได้ยิน

ฟันของสุนัขมีสองระยะ: ระยะหนึ่งซึ่งพัฒนาในขณะที่ยังเป็นลูกสุนัขและอีกระยะหนึ่งที่เข้ามาแทนที่ ครั้งแรกระหว่างเดือนที่สี่ถึงหกของชีวิต เขี้ยวยาวใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคี้ยวอาหารสุนัขและฟันส่วนที่เหลือใช้เพื่อบดอาหาร

โครงกระดูกของ "สุนัขไส้กรอก" แตกต่างกันหรือไม่

A มีความอยากรู้อยากเห็นมากมายว่าโครงกระดูกของสุนัขไส้กรอกมีหน้าตาเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดแล้วลำตัวยาวและขาสั้นซึ่งเป็นลักษณะของสายพันธุ์นั้นดึงดูดความสนใจได้มาก อย่างไรก็ตาม กายวิภาคของสายพันธุ์นี้สร้างขึ้นโดยนักล่าชาวเยอรมันและพัฒนาขึ้นเพื่อล่ากระต่ายในโพรง (ด้วยเหตุนี้รูปแบบนี้) ก็เหมือนกับสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างอยู่ที่ส่วนหลังที่ยาวกว่า ส่วนหน้าและขาหลังที่สั้นกว่า อย่างไรก็ตาม ดัชชุนมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังหลายประการ เช่น การเคลื่อนตัวผิดปกติและ "จงอยปากนก" (spondylosis)