หากคุณมีสุนัขที่มีนิสัยชอบเอาของทุกอย่างใส่ปาก ถึงเวลาแล้วที่จะพยายามเปลี่ยนสิ่งนั้น นี่เป็นนิสัยที่สามารถทำร้ายเพื่อนของคุณได้หลายวิธี และในบางกรณีอาจทำให้สุนัขมึนเมาได้ เพราะเขาสามารถกินสิ่งที่ไม่เหมาะกับสัตว์ได้ ดังนั้น การฝึกสุนัขจึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากในการพยายามให้ความรู้แก่สัตว์เลี้ยงของคุณไม่ให้กินอะไรที่เขาเห็นบนพื้น จะรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้? เราแยกแรงจูงใจที่เป็นไปได้ที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมนี้และวิธีสอนสุนัขให้หยุดทำเช่นนี้ ลองดูสิ!

ทำความเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมสุนัขนี้

เมื่อพาสุนัขไปเดินเล่น มีข้อกังวลเดียวกันอยู่เสมอ: จะเป็นอย่างไรหากมันคิดค้นการกินบางอย่างที่อยู่บนพื้น ? สถานการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ และอาจมีสาเหตุหลายประการที่แตกต่างกัน ในบางกรณี สุนัขเพียงต้องการเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ ในส่วนอื่น ๆ มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ อีกสาเหตุหนึ่งของพฤติกรรมประเภทนี้ที่ไม่ควรตัดออกก็คือความหิว และในกรณีเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าลูกสุนัขของคุณกินอาหารได้อย่างดีก่อนออกไปเดินเล่น เราไม่สามารถลืมสุนัขตัวเล็ก ๆ ที่ฟันหวานโดยธรรมชาติได้ โดยไม่คำนึงถึงสาเหตุ เราต้องไม่ทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติและเพียงแค่ "ปล่อยมันไป" เนื่องจากเป็นทัศนคติที่อาจส่งผลหลายอย่างต่อสุขภาพของสุนัข

อันตรายของสุนัขที่กินทุกอย่างที่พบบนพื้นดิน

เริ่มกินทุกอย่าง การมองไปข้างหน้าอาจเป็นนิสัยที่อันตรายสำหรับเจ้าเพื่อนสี่ขาของคุณ ประการแรก เนื่องจากอาหารที่พวกเขาพบบนพื้นดินอาจไม่เหมาะสำหรับสุนัข ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าสุนัขสามารถกินอะไรได้และกินอะไรไม่ได้ ตัวอย่างเช่น อาหารของมนุษย์ไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับสัตว์เหล่านี้ เนื่องจากเครื่องปรุงรสที่เราใช้นั้นไม่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากสิ่งมีชีวิตในสุนัข และสุนัขอาจมีอาการอาหารไม่ย่อยหรือมึนเมาได้

ประการที่สอง ไม่ใช่ทุกอย่างที่พวกเขา เอาเข้าปากก็กินได้ จริงไหม? ก้อนกรวด เศษกระดาษ และสิ่งของที่น่าเป็นห่วง เช่น เศษแก้ว อาจถูกกลืนโดยสัตว์ที่มีนิสัยชอบกินทุกอย่างบนพื้น ดังนั้น การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมประเภทนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก แม้กระทั่งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น ลำไส้อุดตันในสุนัข

พฤติกรรมนี้อาจทำให้สัตว์ของคุณกินสัตว์ที่ตายแล้ว เช่น หนู นก หรือแม้แต่ปลา หากเรากำลังพูดถึงสุนัขที่ไปเที่ยวทะเลบ่อยๆ ทั้งหมดนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อสุขภาพของเขา

วิธีสอนสุนัขให้หยุดกินทุกอย่างที่มันเจอต่อไป?

ตอนนี้คุณรู้ถึงอันตรายของการปล่อยให้สุนัขของคุณกินทุกอย่างที่คุณเห็นบนพื้นแล้ว เคล็ดลับในการฝึกเพื่อพยายามแก้ไขพฤติกรรมของเพื่อนคุณเป็นอย่างไร และไม่ต้องกังวล คุณไม่จำเป็นต้องเป็นครูฝึกสุนัขมืออาชีพเพื่อจัดการเรื่องนี้ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่สามารถสร้างความแตกต่างโดยสิ้นเชิงเมื่อสอนสุนัขไม่ให้เอาอะไรเข้าปาก:

• กระตุ้นให้ลูกสุนัขกินเฉพาะสิ่งที่เสิร์ฟในชามเท่านั้น! อาจ ฟังดูงี่เง่า แต่นี่เป็นวิธีที่สัตว์จะเชื่อมโยงว่าต้องเสิร์ฟอาหารในถาดป้อนอาหารเพื่อให้มันกินเองได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจสิ่งที่อยู่บนพื้นหรือในถังขยะ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการกระตุ้นเชิงบวก วิธีที่ดีคือการให้รางวัลสุนัขเมื่อเขา "ทำได้ถูกต้อง" ในการกินอาหารจากชาม: ชมเชย ลูบเขา และบอกให้ชัดเจนว่าสุนัขกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง

• แบ่งอาหารให้สุนัขเป็นส่วนๆ! การปล่อยให้อาหารเต็มหม้อในบางครั้งอาจทำให้สัตว์กินทุกอย่างได้ในคราวเดียว และการไม่มีขีดจำกัดนี้คือสิ่งที่ทำให้มันออกไปเอาทุกอย่างที่อยู่ในปากเข้าปาก ดังนั้น ทางที่ดีควรแบ่งอาหารออกเป็นสองส่วน: ส่วนหนึ่งเสิร์ฟในตอนกลางวันและอีกส่วนในตอนกลางคืน ด้วยวิธีนี้ สุนัขจะกินเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้รู้สึกอิ่มเท่านั้น และจะไม่รู้สึกกระวนกระวายที่จะกินสิ่งอื่นเมื่อเขาออกไปข้างนอก

• สอนเขาว่า "ไม่"! การฝึกเล็กๆ น้อยๆ สามารถช่วยให้คุณสอนสุนัขของคุณไม่ให้กินของที่คุณพบข้างถนน: สอนให้เขารู้ความหมายของ 'ไม่' ง่ายๆ ค่ะ แยกขนมหรืออาหารเม็ดออกจากกันและจัดท่าให้ตัวเองอยู่ข้างหน้าสัตว์ซึ่งจะต้องนั่ง เอาขนมไปวาง ข้างหน้าสุนัขและทุกครั้งที่เขาพยายามเข้าใกล้อาหาร ให้กั้น การกระทำของเขาและพูดอย่างมั่นคงว่า "ไม่!" ฉันฝึกให้เขาจำมันทุกวัน

สุนัขถูกวางยา รู้ไหมว่าต้องทำอย่างไรในเวลานี้!

อาการของพิษอาจแตกต่างกันมากเนื่องจาก มันขึ้นอยู่กับสาเหตุเสมอ แต่สิ่งที่พบบ่อยที่สุดที่จะเกิดขึ้นคือ สุนัขที่ถูกวางยาพิษจะมีอาการอาเจียน ท้องร่วง น้ำลายไหลมากเกินไป ตัวสั่น สับสน และเขายังสามารถชักควบคุมได้

นอกจากนี้ มากเท่ากับ ความกังวลเป็นอย่างมากในขณะนั้น อย่าพยายามวางยาสัตว์เลี้ยงของคุณด้วยตัวคุณเอง สิ่งนี้อาจทำให้สถานการณ์ของสัตว์แย่ลงแทนที่จะช่วย ดังนั้นสิ่งที่ติวเตอร์ทำได้คือล้างปากสุนัขที่มึนเมาด้วยน้ำไหลและพยายามให้เขาอดอาหารจนกว่าเขาจะได้รับการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ ข้อควรจำ: การรักษาจะต้องระบุโดยสัตวแพทย์เท่านั้น ดังนั้นอย่าหาทางเลือกอื่นเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์!