Feline FIV เป็นหนึ่งในโรคที่ร้ายแรงที่สุดที่แมวสามารถติดเชื้อได้ มันถูกเรียกอีกอย่างว่าโรคเอดส์ในแมวเพราะมันส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของแมว คล้ายกับการกระทำของไวรัสเอชไอวีในมนุษย์ ไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมวจะโจมตีภูมิคุ้มกันของแมวเป็นหลัก ทำให้มันมีโอกาสติดเชื้อร้ายแรงได้ แมวที่มีเชื้อ FIV สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่การดูแลจำเป็นต้องเพิ่มเป็นสองเท่าในขณะที่พวกมันมีชีวิตอยู่

เนื่องจากมันน่ากลัวมาก จึงมีข้อมูลที่ผิดมากมายเกี่ยวกับโรคนี้ในแมว มีวัคซีนป้องกัน FIV ในแมวหรือไม่? โรคติดต่อสู่คนหรือไม่? มีวิธีรักษาไหม? เรารวบรวมตำนานและความจริงหลักเกี่ยวกับโรคเอดส์ในแมว ตรวจสอบได้ในบทความด้านล่าง!

1) มีวัคซีนสำหรับ FIV ในแมว

ความเชื่อผิดๆ ซึ่งแตกต่างจากวัคซีน V5 สำหรับแมวที่ป้องกัน FeLV (มะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว ) ไม่มีวัคซีนสำหรับโรคเอดส์ในแมวและวิธีเดียวที่จะป้องกันโรคนี้คือการดูแลสัตว์เลี้ยงตามปกติ การหลีกเลี่ยงการหลบหนีและการสัมผัสกับแมวที่ไม่รู้จักเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับไวรัส การดูแลภูมิคุ้มกันของแมวก็จำเป็นเช่นกัน การให้อาหารที่มีคุณภาพและการตรวจสุขภาพเป็นประจำเป็นทัศนคติที่ช่วยให้สัตว์แข็งแรงและมีสุขภาพดี

2) แมวทุกตัวสามารถตรวจหา FIV ได้

จริง เป็นสิ่งสำคัญที่แมวทุกตัวต้องผ่านการทดสอบ FIV ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่แมวเคยสัมผัสกับตัวอื่นแมวที่ไม่รู้จักหรือหลังจากรับเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ยังไม่ได้ทดสอบ ควรทดสอบลูกสุนัขด้วยเพราะไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมวสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกสุนัขได้ นอกจากนี้ในกรณีที่หลบหนีขอแนะนำให้ทำการตรวจสอบหลังการช่วยเหลือ มาตรการเหล่านี้ช่วยให้สามารถรักษา FIV ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

3) โรคเอดส์ในแมวที่ติดในคน

ความเชื่อผิดๆ โรคเอดส์ในแมวไม่ใช่โรคติดต่อจากสัตว์ กล่าวคือ ไม่มี โอกาสที่ไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมวจะผ่านไปสู่คนได้ นี่เป็นแม้แต่หนึ่งในตำนานที่อันตรายที่สุด เนื่องจากมันสร้างข้อมูลที่ผิด การถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม และแม้แต่กรณีการวางยาพิษ (ซึ่งเป็นอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อม) ครอบครัวสามารถอยู่อย่างสงบสุขกับแมวที่ติดเชื้อ FIV แต่ยังจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากโรคอื่นๆ ที่สามารถแพร่เชื้อสู่คนได้ เช่น โรคท็อกโซพลาสโมซิสและโรคสปอโรตริโคซิส

4) แมวที่มีเชื้อ FIV จะไม่สามารถอยู่ร่วมกับแมวตัวอื่นได้

ขึ้นอยู่กับ A แมวที่มี FIV สามารถอยู่ร่วมกับแมวตัวอื่นได้ตราบเท่าที่เจ้าของมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลหลายครั้ง การแพร่เชื้อ FIV เกิดขึ้นได้ทางน้ำลาย รอยข่วนและการกัดระหว่างการต่อสู้ ปัสสาวะและอุจจาระ นั่นคือตามหลักการแล้วแมวที่เป็นบวกและแมวที่เป็นลบจะไม่ใช้กระบะทรายและที่ให้อาหารเดียวกัน ดังนั้นควรปล่อยให้มีหลายๆ ตัวในบ้าน ป้องกันไม่ให้มีเกมรุกหรือการต่อสู้ใด ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บการปนเปื้อน

เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ให้พยายามตัดเล็บแมวบ่อยๆ และทำตอนเพื่อควบคุมสัญชาตญาณการต่อสู้ นอกโฮสต์ ไวรัส FIV มีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมง ดังนั้นรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาดและล้างกระบะทรายและที่ให้อาหารด้วยน้ำสบู่ร้อน

5) ไม่มีวิธีรักษาสำหรับ IVF ในแมว

จริง น่าเสียดายที่ยังไม่มีวิธีรักษาสำหรับ FIV แต่มีการรักษาแบบประคับประคอง แมวที่เป็นโรคเอดส์และไวรัสนี้โจมตีระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดของมัน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่าย การเป็นหวัดธรรมดาในแมวที่มี FIV อาจกลายเป็นปัญหาและอาจถึงแก่ชีวิตได้

แมวที่เป็นบวกต้องการค่าคงที่ การไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักษาการรักษา และมีเพียงสัตวแพทย์เท่านั้นที่สามารถทำนายและรักษาสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำเด็กหลอดแก้วได้ เขายังสามารถแนะนำวิตามินและอาหารเสริมบางอย่างเพื่อเสริมสร้างร่างกายของแมว

6) แมวที่เป็นโรคเอดส์มักมีอายุยืน

ขึ้นอยู่กับ . อายุขัยของสัตว์ที่ดีจะขึ้นอยู่กับการดูแลที่ได้รับเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรให้ความสนใจกับสิ่งพื้นฐานมากกว่า จำนวนปีโดยเฉลี่ยของแมวที่มี FIV นั้นสัมพันธ์กับการดูแลนี้และการดูแลแบบประคับประคองที่เหมาะสมที่มันจะได้รับ

โดยปกติแล้ว แมวที่มี FIV จะมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 10 ปี และช่วงชีวิตนี้จะสั้นกว่ามากเมื่อเทียบกับสำหรับแมวจรจัดซึ่งมักจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 15 ปีเมื่อพวกมันถูกเลี้ยงในบ้านโดยเฉพาะ (เช่น อายุขัยของแมวจรจัดจะต่ำกว่าเนื่องจากความเสี่ยงที่จะถูกวิ่งทับ พิษ และโรคต่างๆ)

7) แมวสามารถเกิดมาพร้อมกับ FIV

จริง การแพร่ FIV ในแมวสามารถเกิดขึ้นได้จากแม่สู่ลูกแมว ไวรัสพัฒนาในรกในระหว่างตั้งครรภ์และแมวเกิดมาพร้อมกับ FIV รูปแบบอื่นๆ ของการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกคือในขณะคลอด ระหว่างให้นมลูก หรือเมื่อแมวเลียลูกแมว เนื่องจากไวรัสมีอยู่ในน้ำลาย

8) ไม่ใช่ว่าแมวทุกตัวที่มี FIV จะมีอาการ

จริง FIV ในแมวเป็นโรคภัยเงียบที่แบ่งออกเป็นหลายระยะ ในช่วงแรกของวัฏจักรที่ไม่รุนแรง แมวอาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยปกติแล้วโรคจะปรากฏตัวในระยะสุดท้ายซึ่งทำให้การรักษายากขึ้นเนื่องจากร่างกายของสัตว์อ่อนแอลงแล้ว

9) โรคเอดส์ในแมวพบได้บ่อยในแมวจรจัด

ความเชื่อผิดๆ ไม่มีสายพันธุ์ใดมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ FIV แมวทุกตัวสามารถติดโรคได้ แต่การติดเชื้อจะรุนแรงกว่าในแมวจรจัดที่อาศัยอยู่ข้างถนนหรือเป็นแมวจรจัดที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นแมวสายพันธุ์ไหน ก็ไม่แนะนำให้มันเดินไปรอบๆ โดยไม่มีผู้ดูแล เนื่องจากถนนเป็นสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง มีการทะเลาะวิวาทหรืออุบัติเหตุ และแม้แต่การวางยาพิษ นอกจากFIV, โรคต่างๆ เช่น FeLV, PIF และ chlamydiosis ซึ่งถือเป็นโรคในแมวที่อันตรายที่สุด ต้องให้ความสนใจ