คุณรู้หรือไม่ว่าตับอ่อนอักเสบในแมวคืออะไร? โรคที่ส่งผลต่อสุนัขและมนุษย์จำนวนมากสามารถเกิดกับลูกแมวได้เช่นกัน โรคตับอ่อนอักเสบในแมวเป็นโรคที่พบได้บ่อยซึ่งส่งผลต่อตับอ่อนของสัตว์และอาจส่งผลต่อสุขภาพหลายประการ การระบุโรคตั้งแต่เริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากตับอ่อนอักเสบในแมวนั้นร้ายแรง และความล่าช้าในการรักษาอาจลงเอยด้วยการประนีประนอมต่อการทำงานทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตของสัตว์เลี้ยง Patas da Casa พูดคุยกับ Estela Pazos สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์แมว เธออธิบายว่าตับอ่อนอักเสบในแมวคืออะไร สาเหตุคืออะไร วิธีระบุโรค และสิ่งที่ควรทำเพื่อรักษาแมวที่มีปัญหา เช็คเลย!

ตับอ่อนอักเสบคืออะไร? โรคนี้ทำให้อวัยวะพื้นฐานสำหรับการย่อยอาหารของแมวอ่อนแอลง

แม้ว่าจะพบได้บ่อย แต่ผู้สอนหลายคนก็ยังสงสัยว่าตับอ่อนอักเสบคืออะไรและอะไรเป็นสาเหตุ สัตวแพทย์ Estela Pazos อธิบายว่าตับอ่อนอักเสบในแมวคือการอักเสบของตับอ่อนของสัตว์ อวัยวะนี้มีหน้าที่หลักในการผลิตเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยสารอาหารที่จำเป็น เช่น โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต โดยปกติเอนไซม์จะถูกปล่อยออกมาเมื่อจำเป็นเท่านั้น ในกรณีของตับอ่อนอักเสบในแมว เอ็นไซม์เหล่านี้จะถูกกระตุ้นก่อนช่วงเวลาที่เหมาะ ส่งผลให้อวัยวะย่อยอาหารได้เอง ทำให้เกิดการอักเสบ

ไม่ในกรณีของโรคตับอ่อนอักเสบ แมวทุกสายพันธุ์ เพศและอายุสามารถพัฒนาโรคได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าตับอ่อนอักเสบในแมวแก่นั้นพบได้บ่อยกว่า ในวัยนี้คุณต้องระวังมากขึ้นเนื่องจากภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงซึ่งอาจทำให้การรักษายากขึ้น นอกจากโรคตับอ่อนอักเสบในแมวสูงอายุแล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังกล่าวด้วยว่าแมวสยามมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่า

ความยากลำบากในการระบุสาเหตุของโรคตับอ่อนอักเสบในแมวทำให้หลายกรณีถูกพิจารณาว่าเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ

ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับตับอ่อนอักเสบในแมวคือความยากลำบากในการค้นหาที่มาของมัน ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าสาเหตุของตับอ่อนอักเสบในแมวยังไม่เป็นที่แน่ชัด ซึ่งหมายความว่ามีหลายกรณีที่ถือว่าเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ (เมื่อไม่ทราบแหล่งที่มา) อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวว่ามีบางแง่มุมที่เอื้อต่อการปรากฏตัวของโรค: "เรามีปัจจัยบางอย่างที่สามารถมีส่วนร่วมได้ เช่น การปรากฏตัวของปรสิตในลำไส้ การกลืนกินผลิตภัณฑ์ที่เป็นพิษ การปรากฏตัวของโรคอักเสบหรือติดเชื้ออื่นๆ ภูมิคุ้มกัน- เกิดจากสื่อกลาง อาการไม่พึงประสงค์จากยา และการปรากฏตัวของโรคลำไส้อักเสบ" เขาอธิบาย

อะไรคือความแตกต่างระหว่างตับอ่อนอักเสบเรื้อรังและตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันในแมว

การรู้ว่าตับอ่อนอักเสบคืออะไร สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่ามีสองประเภทคือโรค: เฉียบพลันหรือเรื้อรัง “ในโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันในแมว อาการจะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและแก้ไขได้ด้วยการรักษาแบบประคับประคอง และมักไม่ได้รับการวินิจฉัยที่แม่นยำเสมอไป” Estela อธิบาย ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังของแมวจะพัฒนาอย่างช้าๆ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดในสภาวะเฉียบพลัน อวัยวะจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงทีละน้อยและอาการจะใช้เวลานานขึ้น

“มีการอักเสบอย่างต่อเนื่องในอวัยวะนี้ มันจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงจนถึงจุดที่ตับอ่อนไม่ผลิตเอ็นไซม์ที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหารหรืออินซูลินอีกต่อไป ซึ่งนำไปสู่โรคที่เรียกว่า Exocrine Pancreatic Insufficiency” เขาชี้แจง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นเรื่องปกติที่จะมี "ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังกำเริบ" ณ จุดนี้ ในตับอ่อนอักเสบ แมวที่เป็นโรคนี้มาเป็นเวลานานจะแสดงอาการอย่างกะทันหัน

อาการของโรคตับอ่อนอักเสบในแมวพบได้บ่อยในหลายๆ โรค

สัญญาณของตับอ่อนอักเสบในแมวนั้นพบได้บ่อยในโรคอื่นๆ ซึ่งทำให้การวินิจฉัยและการรักษายากขึ้น” อาการหลักคือเบื่ออาหารบางส่วนหรือทั้งหมด และ ส่งผลให้น้ำหนักลด อาการเซื่องซึมและหมอบกราบเป็นอีกอาการหนึ่งที่พบได้บ่อย เช่นเดียวกับการอาเจียน อาการท้องเสียสามารถเกิดขึ้นได้ และเป็นเรื่องปกติที่แมวเหล่านี้จะขาดน้ำและมีเยื่อเมือก icteric (สีเหลือง)”

ตับอ่อนอักเสบ: แมวที่เป็นโรคนี้สามารถพัฒนาเป็นโรคเบาหวานได้

อันตรายอย่างหนึ่งของโรคตับอ่อนอักเสบในแมวคือมักไม่เกิดขึ้นเอง การอักเสบในตับอ่อนสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคเบาหวานในแมว นอกจากการผลิตเอนไซม์แล้ว ตับอ่อนยังผลิตฮอร์โมน รวมทั้งอินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมปริมาณกลูโคสที่ไหลเวียนในเลือด “หากแมวมีตับอ่อนอักเสบเรื้อรังในแมว อาจทำให้เซลล์ในตับอ่อนที่มีหน้าที่ผลิตอินซูลินถูกทำลายได้ ส่งผลให้การหลั่งและการปล่อยฮอร์โมนนี้ในร่างกายลดลงอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การเกิดโรคเบาหวาน” เอสเตลาชี้แจง นอกจากนี้ เธออธิบายว่าเนื่องจากการสูญเสียความอยากอาหารและน้ำหนักที่เกิดจากตับอ่อนอักเสบ แมวที่เป็นโรคนี้อาจมีไขมันในตับตามมาด้วย

ตับอ่อนอักเสบในแมววินิจฉัยได้ยาก

ตับอ่อนอักเสบในแมวนั้นร้ายแรง เนื่องจากเป็นการยากที่จะวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการรักษาโรค ด้วยอาการทั่วไปที่อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพอื่นๆ หลายประการ ความสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุของตับอ่อนอักเสบในแมวทำให้ยากต่อการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ ดังนั้นเพื่อให้มีการวินิจฉัยที่แม่นยำจำเป็นต้องทำการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญและชุดการทดสอบในห้องปฏิบัติการ: "จำเป็นต้องทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องและการถ่ายภาพรังสีและเสริมด้วยการตรวจเลือดรวมถึงการทดสอบเฉพาะสำหรับการประเมินตับอ่อนอักเสบในแมวเช่น สัตวแพทย์แนะนำเอนไซม์ไลเปสตับอ่อนและภูมิคุ้มกันในแมว (fTLI)” โรคตับอ่อนอักเสบในแมวนั้นร้ายแรงแต่โชคดีที่สามารถรักษาได้ แม้ว่าจะไม่มีวิธีการรักษาเฉพาะสำหรับตับอ่อนอักเสบ แต่แมวสามารถได้รับการรักษาแบบประคับประคองที่จัดการกับอาการและผลที่ตามมาของโรค “การรักษาแบบประคับประคองมีไว้เพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำ คลื่นไส้และอาเจียน ควบคุมความเจ็บปวด จัดการกับอาการท้องร่วง และถ้าจำเป็น ให้ใช้ยาปฏิชีวนะและคอร์ติโคสเตียรอยด์ด้วย” เอสเตลาให้คำแนะนำ

นอกจากนี้ วิตามินบางชนิดสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้: "สารต้านอนุมูลอิสระที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น วิตามิน A และ C ช่วยลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในเซลล์ ปรับปรุงการอักเสบและการปกป้องเนื้อเยื่อ การเสริมวิตามินบี 12 อาจจำเป็นเนื่องจากแมวส่วนใหญ่ที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบนั้นขาด” สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มการรักษาตับอ่อนอักเสบในแมวโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นโรคเงียบเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนักถึงสุขภาพของสัตว์อยู่เสมอ เมื่อแสดงอาการใด ๆ ให้พาสัตว์เลี้ยงไปหาสัตวแพทย์ทันที

หลังจากรักษาโรคตับอ่อนอักเสบแล้ว แมวจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงอาหาร

แมวที่หายจากโรคตับอ่อนอักเสบในแมวจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงอาหารด้วย ด้วยโรคนี้ตับอ่อนจะอ่อนแอลงและมีปัญหาในการผลิตเอนไซม์เพื่อย่อยสารอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่อาหารของแมวจะต้องปรับให้รวมถึงอาหารที่ย่อยง่ายกว่า Estela อธิบายว่าการสนับสนุนทางโภชนาการนี้เป็นพื้นฐานในการรักษาโรคตับอ่อนอักเสบในแมว: “อาหารต้องเลือกตามผลการตรวจและอาการทางคลินิกของผู้ป่วย แต่โดยทั่วไปแล้วอาหารต้องย่อยง่ายและมีความสมดุลระหว่างโปรตีนและไขมันในแมว ปริมาณปานกลาง และมีคุณภาพดี และย่อยได้ และคาร์โบไฮเดรต อาหารควรช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกาย” เขาแนะนำ

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นว่าแม้ว่าตับอ่อนอักเสบในแมวจะทำให้เบื่ออาหารและย่อยอาหารลำบาก สัตว์ก็ไม่ควรอดอาหาร “หากแมวไม่สามารถกินอาหารเองได้ อาจจำเป็นต้องใช้ท่อป้อนอาหารจนกว่าแมวจะกลับมากินอาหารเองตามธรรมชาติ” เขากล่าวเสริม