โรคในดวงตาของแมวมักสร้างความกังวลใจให้กับเจ้าของเสมอ ท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาส่งผลโดยตรงต่อการมองเห็นของสัตว์ และในบางกรณีอาจทำให้ตาบอดได้ นี่คือกรณีของต้อกระจกในแมว ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลต่อเลนส์ของสัตว์และทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างถูกต้อง จากข้อมูลของ Gabriel Mora ซึ่งเป็นสัตวแพทย์และผู้ประสานงานทางคลินิกของโรงพยาบาล Vet Popular ต้อกระจกในแมวเกิดขึ้นได้น้อยเมื่อเทียบกับสุนัข แต่ก็ยังเป็นพยาธิสภาพที่สมควรได้รับความสนใจ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคตาแมวนี้!

ต้อกระจกในแมว: คืออะไร และอะไรคือสาเหตุของโรค

เช่นเดียวกับสุนัข ต้อกระจกในแมวเป็นโรคที่เป็นผลมาจากการสูญเสีย ความโปร่งใสของเลนส์ผลึกซึ่งอยู่ด้านหลังม่านตา ดังที่เกเบรียลอธิบาย สิ่งนี้ส่งผลต่อคุณภาพการมองเห็นของสัตว์และอาจทำให้เกิดความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ เช่น ตาบอด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

แม้ว่าจะพบได้น้อยกว่าในแมว แต่ต้อกระจกสามารถส่งผลกระทบต่อแมวได้ และมักจะเกี่ยวข้องกับอายุของสัตว์หรือ โรคทางระบบ "ต้อกระจกในแมวอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยบางอย่าง เช่น การชราภาพ (ความชราตามธรรมชาติของร่างกาย) การอักเสบในลูกตา (เช่น ต้อหิน) หรือเบาหวาน" สัตวแพทย์เตือน

เรียนรู้วิธีระบุโรคใน แมวตาของแมว

หากคุณสงสัยว่าลูกแมวของคุณมีต้อกระจกในดวงตา โปรดทราบว่าการจดจำอาการของโรคนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากลักษณะสำคัญของโรคคือความทึบของเลนส์แก้วตา จึงเป็นไปได้ที่จะสังเกตเห็นจุดในดวงตาของสัตว์ ซึ่งอาจมีหรือไม่มีวิวัฒนาการเมื่อเวลาผ่านไป “ผู้สอนสามารถเห็นภาพความทึบของดวงตาของสัตว์และรับรู้การค่อยๆ ขาวขึ้นของเลนส์ผลึก ซึ่งสามารถเริ่มด้วยสีฟ้ามากขึ้น พัฒนาเป็น “ผนัง” สีขาวในระยะที่โตเต็มที่” เกเบรียลชี้แจง การตรวจทางจักษุวิทยามีความสำคัญต่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องและการเริ่มต้นการรักษา ดังนั้นโปรดปรึกษาสัตวแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

การรักษาต้อกระจกในแมว

เนื่องจากสาเหตุของต้อกระจกในแมวมีหลากหลาย การรักษาจึงแตกต่างกันไปด้วย ตามที่สัตวแพทย์ระบุว่ามียาหยอดตาบางชนิด (ทั้งสำหรับมนุษย์และสัตวแพทย์) ที่ปรับปรุงความทึบของต้อกระจกในวัยชราและสามารถระบุได้ว่าเป็นการรักษา แต่นี่ไม่ใช่มาตรการที่มีประสิทธิภาพเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสาเหตุของต้อกระจกคือโรคเบาหวาน การรักษาจำเป็นต้องเชื่อมโยงกัน: “การรักษาภาวะนี้อย่างถูกต้องอาจทำให้ต้อกระจกทุเลาลงได้ (กลับเป็นตาโปร่งแสง) แต่จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและ ของประสิทธิภาพการรักษา/การตอบสนอง”.

อย่างไรก็ตาม การใช้ยาหยอดตา การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (หากเป็นโรคเบาหวาน) หรือการควบคุมความดันลูกตา (หากเป็นต้อหิน) อาจไม่ได้ผล ในกรณีนี้ Gabriel อธิบายว่าควรปรึกษาสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาเพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการผ่าตัด หากวิธีนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ระยะเวลาหลังการผ่าตัดจะต้องได้รับการเตรียมการอย่างดีและได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ สัตวแพทย์ระบุ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดซ้ำของโรค

เรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงปัญหาสายตาในแมว

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันต้อกระจกในแมวหรือปัญหาสายตาอื่นๆ คือการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอกับสัตวแพทย์ประจำคลินิก “การตรวจร่างกายมีประโยชน์ในด้านข้อมูลทั่วไปรวมทั้งการตรวจตา ความผิดปกติใดๆ ในระบบนี้ แพทย์จะระบุการตรวจเฉพาะและการติดตามผลทางจักษุวิทยาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนทางตา” กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ความช่วยเหลือของสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อยังมีประโยชน์อย่างมากในการควบคุมโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคที่สามารถกระตุ้นให้เกิดต้อกระจกได้ ดังนั้นอย่าลืมพาสัตว์เลี้ยงของคุณไปหาสัตว์แพทย์เป็นระยะ!