แผลในแมวที่เกิดจากฝีเป็นปัญหาผิวหนังทั่วไปที่ส่งผลต่อสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก โดยเฉพาะแมว โดยทั่วไป ฝีในแมวเป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อการติดเชื้อชนิดใดก็ได้ บริเวณที่อักเสบนั้นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะกลายเป็นตุ่มที่มีหนองและอาจปรากฏอยู่ในส่วนใดก็ได้ของร่างกายสัตว์ ในผิวหนังชั้นนอกหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (ชั้นสุดท้ายของผิวหนังซึ่งพบไขมันในร่างกาย) นอกจากนี้ยังมีฝีภายในอีกด้วย แม้ว่าในบางกรณี ปัญหาผิวหนังของแมวอาจพัฒนาไปสู่อาการที่ร้ายแรงกว่าได้ แต่ก็สามารถรักษาได้ง่ายเมื่อตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการดูแลลูกแมวของคุณให้ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ฝีในแมวคืออะไร

เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจว่าก้อนมีหน้าตาเป็นอย่างไร คุณสามารถค้นหารูปถ่ายของฝีได้ ในแมวเพื่อให้ได้แนวคิดที่ดีขึ้น ชัดเจนขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วบริเวณนั้นจะบวมและแดงมากขึ้น หากการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นเล็กน้อย ก้อนอาจแสดงอาการของแผล เมื่อแผลเปิดออกมากขึ้นและชื้นมากขึ้นด้วย ถึงกระนั้นก็ตาม ฝีในแมวส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นก้อนที่สัมผัสได้ สัมผัสอุ่นและอ่อนโยนมาก นั่นคือหากผู้สอนสัมผัสบริเวณที่มีปมจะทำให้สัตว์เจ็บปวดมาก นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ฝีจะแตก ดังนั้น เมื่อคุณสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ ให้นัดหมายกับสัตวแพทย์ทันที

อะไรเป็นสาเหตุของฝีในแมว?

ฝีในแมวเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บที่เกิดจากการถูกกัดหรือข่วน แมวที่อาศัยอยู่ในที่พักอาศัยหรือแม้แต่แมวที่มีเจ้าของแต่ชอบเดินเล่นตามท้องถนน มีโอกาสติดเชื้อชนิดนี้ได้มากที่สุดเพราะแมวเหล่านี้มักจะติดต่อกับแมวตัวอื่นอยู่เสมอ รวมถึงอาจเกิดขึ้นได้กับผู้สอนที่มีแมวมากกว่าหนึ่งตัวที่บ้าน แม้ว่าแมวจะทำร้ายตัวเองได้ แต่การติดเชื้อที่ทำให้เกิดฝีนั้นเกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่อยู่ในปากและเล็บของแมว

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีสาเหตุเฉพาะที่ทำให้เกิดฝีในแมว . สิ่งสำคัญคือการสังเกตสัตว์เลี้ยงของคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขามีนิสัยชอบออกจากบ้าน เคล็ดลับนี้ใช้กับทุกคนที่รับเลี้ยงหรือช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงจากข้างถนนด้วย: ดูที่ร่างกายทั้งหมดของแมว แม้ว่าก้อนจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่บางก้อนก็เล็กกว่าและไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่ว่าในกรณีใด ทันทีที่ผู้สอนสังเกตเห็นรอยนูนใดๆ บนตัวแมวของคุณ ทางที่ดีควรปรึกษาสัตวแพทย์

ฝีหนองมีอาการอย่างไร ในแมว ? ?

แม้ว่าฝีในแมวจะไม่ทำให้สัตว์เลี้ยงป่วยอย่างเห็นได้ชัด แต่อาการอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่ก้อนนั้นอยู่ นอกจากอาการบวมและปวดในบริเวณที่มีการอักเสบแล้ว แมวยังเริ่มรู้สึกร้อนในบริเวณที่มีก้อนเนื้อมากขึ้นด้วย แม้ในบางกรณีฝีมันค่อนข้างแดง แมวบางตัวอาจน้ำหนักลดด้วย เพราะเป็นเรื่องปกติมากที่ก้อนชนิดนี้จะปรากฏในบริเวณปากของแมว ซึ่งทำให้ยากต่อการให้อาหาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของฝี แมวอาจมีอาการซึมเศร้าเพราะมันอ่อนแอลงแล้ว ทั้งสองวิธีจะมีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของแมว

ฝีที่คอของแมว: เกิดขึ้นที่ใดมากที่สุด?

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ฝีในแมวสามารถปรากฏได้ทุกที่ในร่างกายของแมว อย่างไรก็ตาม มีจุดที่มักจะพบได้บ่อย เช่น คอ เพราะเป็นพื้นที่ที่ง่ายต่อการถูกโจมตี ถึงกระนั้นก็น่าสังเกตว่าไม่ใช่ว่าทุกก้อนจะเป็นฝีที่คอของแมว ในบางกรณี อาจเป็นกรณีของโบทูลินั่มในแมว เนื้องอก ต่อมน้ำเหลือง หรือแม้แต่ปฏิกิริยาบางอย่างต่อวัคซีน หากนำไปใช้ที่นั่น ไม่ว่าในกรณีใด การมีก้อนที่คอของแมวหมายความว่าเขาอาจมีปัญหา ดังนั้น ทันทีที่พบมัน สิ่งที่ถูกต้องคือการไปหาสัตวแพทย์

ฝีในช่องท้องยังพบได้บ่อยในแมวและไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเพราะการบาดเจ็บ ที่ขอบของทวารหนักคือต่อมก้น และเนื่องจากตำแหน่งและการทำงานของมัน มันกลายเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ สัญญาณแรกคือการเปลี่ยนสีของพื้นที่ นอกจากนี้ในฐานะกยิ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีการป้องกัน ก้อนจะแตกง่ายขึ้น มองเห็นหนองได้ นอกจากกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว ในกรณีเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติที่แมวจะเริ่มรู้สึกไม่สบายและบ่นว่าเจ็บปวดเมื่อส่งเสียงร้องเหมียวๆ

ปากยังเป็นบริเวณที่แมวมักมีฝี พวกเขามักจะเจ็บปวดมาก แต่ในขณะเดียวกันก็สังเกตได้ง่าย เพราะในไม่ช้าเจ้าของจะเริ่มสังเกตเห็นว่าแมวไม่ต้องการกินหรือมีปัญหาในการกินอาหาร ในบางกรณี ฝีในแมวที่พบในปากอาจส่งผลต่อดวงตาได้ ด้วยเหตุนี้ ฝีที่แก้มของแมวจึงเป็นไปได้เช่นกัน อนึ่ง ฝีบนใบหน้าของแมวนั้นพบได้บ่อยไม่ใช่เพียงเพราะมันเป็นบริเวณที่บาดเจ็บได้ง่ายเท่านั้น แต่เนื่องจากปากของแมวก็เป็นบริเวณที่มีแบคทีเรียอยู่ด้วย ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ก้อนจะโตขึ้นตามการอักเสบเนื่องจากแผลจะสมานตัวด้านนอกและหนองจะสะสมและเติบโตภายใน

ฝีในแมวสามารถเป็นฝีภายในได้เช่นกัน และสำหรับการวินิจฉัยโรคนั้นจำเป็นต้องใช้การตรวจบางประเภท เช่น การเอ็กซเรย์และอัลตราซาวนด์ เนื่องจากแบคทีเรียสามารถเข้าถึงกระแสเลือดของสัตว์ได้เช่นกัน ทำให้เกิดก้อนเนื้อขึ้นในอวัยวะภายในของสัตว์เลี้ยง เช่น ตับและไต เชื้อโรคยังสามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจและไปถึงปอดได้ เกิดขึ้นเมื่อแมวเผลอสูดสิ่งแปลกปลอมเข้าไป

ฝีในแมว: รักษาอย่างไร?

เมื่อสัตวแพทย์ยืนยันฝีในแมว ผู้เชี่ยวชาญจะทำการระบายก้อนออก เมื่ออยู่ที่บ้านแล้ว ติวเตอร์จะต้องดูแลสถานที่ด้วยการทำความสะอาดทุกวัน และใช้วิธีรักษาเฉพาะฝีที่สัตวแพทย์แนะนำ ไม่ได้ระบุการใช้สูตรอาหารโฮมเมดเนื่องจากอาจรบกวนการรักษาและทำให้เกิดการอักเสบใหม่

โดยทั่วไป เพื่อรักษาต่อที่บ้าน จะมีการใช้ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ และยาปฏิชีวนะ ไม่ว่าในกรณีใดสิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ โชคดีที่หลังจากก้อนเนื้อหมดไปแล้ว สัตว์เลี้ยงจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของสังเกตเห็นว่าการรักษาใช้เวลานานกว่าที่ควร สิ่งสำคัญคือต้องกลับไปที่สำนักงานสัตวแพทย์

สามารถป้องกันฝีในแมวได้หรือไม่?

วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงฝีในแมวคือการเพาะพันธุ์ในที่ร่ม นั่นคือ ไม่ให้ออกไปตามท้องถนน แม้ว่าจะดูเหมือนว่าสิ่งหนึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอีกสิ่งหนึ่ง แต่การตัดอัณฑะแมวเป็นขั้นตอนที่ทำให้สัตว์สงบลง ลดโอกาสในการหลบหนี สำหรับแมวตัวผู้และแมวโตที่มักจะเดินไปตามถนนแล้วกลับบ้าน มันเหมาะมากเพราะมันป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาการต่อสู้เรื่องดินแดนหรือแม้กระทั่งผู้หญิง สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงที่บ้านอีกหนึ่งตัว อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน

ความจริงก็คือสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของคืออย่าปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของเขาออกไปข้างนอก แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วเจ้าของต้องสังเกตแมวให้ดีว่ามีรอยข่วนหรือรอยช้ำอะไรไหม คำแนะนำคือ ให้ล้างแผลทันทีด้วยน้ำและสบู่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าบาดแผลจะลึกหรือตื้นก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องพาเพื่อนสี่ขาไปหาสัตว์แพทย์

ฝีในแมว: สังเกตเพื่อป้องกัน

นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ ให้ตรวจสอบร่างกายของลูกแมวทั้งหมดและดูแลสุขอนามัยของสัตว์ด้วย แม้ว่าแมวจะขึ้นชื่อเรื่องนิสัยรักความสะอาด แต่พื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงหมุนเวียนภายในบ้านต้องสะอาดอยู่เสมอ เช่น กระบะทรายก็เป็นสิ่งสำคัญ

แม้จะเห็นได้ชัด แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าสัตว์ไม่พูด นั่นคือเป็นเจ้าของที่ต้องค้นหาเมื่อพวกเขากำลังประสบกับความเจ็บปวดบางอย่าง และในกรณีเช่น ฝีในแมว ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ หากผู้สอนไม่เอาใจใส่ ก็อาจไม่มีใครสังเกตเห็นจนกว่าปัญหาจะรุนแรงขึ้น นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องระวังและตรวจสอบแมวเป็นประจำ