โรคไข้หวัดสุนัข หรือที่เรียกว่าอาการไอในสุนัข เป็นปัญหาที่พบบ่อยในฤดูหนาวและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ แม้ว่าจะไม่ถือว่าเป็นโรคร้ายแรง แต่สุนัขที่เป็นไข้หวัดก็มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง ซึ่งเป็นประตูสู่โรคอื่นๆ ที่อันตรายกว่า เท่านั้นยังไม่พอ ไข้หวัดยังสามารถพัฒนาเป็นปอดบวมในสุนัข ซึ่งเป็นอันตรายต่อการหายใจของสัตว์อย่างร้ายแรง

ผู้สอนหลายคนรู้สึกสูญเสียเมื่อสงสัยว่าเพื่อนสี่ขาของพวกเขาเป็นไข้หวัดสุนัขและไม่ได้ถูกทิ้งไว้ รู้ว่าต้องทำอะไร การรักษาที่ดีที่สุดคืออะไร? การวินิจฉัยเป็นอย่างไร? สามารถป้องกันโรคได้หรือไม่? เพื่อชี้แจงข้อสงสัยหลักเกี่ยวกับไข้หวัดในสุนัข เราได้พูดคุยกับ Froylan Roli Mendoza Condori ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาล Vet Popular ดูสิ่งที่เขาบอกเราสิ!

ไข้หวัดสุนัขคืออะไร

โรคไข้หวัดสุนัขเป็นโรคที่พบได้บ่อยในฤดูหนาว หรือที่เรียกว่าไอสุนัขหรือไอสุนัข ไข้หวัดในสุนัขเกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ A และแบคทีเรีย Bordetella bronchiseptica “เป็นโรคที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของสุนัข แต่ส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง ในทางปฏิบัติ ภาพจะคล้ายกับไข้หวัดในมนุษย์มาก” สัตวแพทย์กล่าว

ถึงกระนั้น สิ่งสำคัญคือต้องดูแลเป็นพิเศษกับเพื่อนสี่ขาของคุณ หากเขาคุณป่วย. แม้ว่าจะไม่เป็นอันตราย แต่ไข้หวัดในสุนัขสามารถพัฒนาไปสู่โรคปอดบวมได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม และทำให้ชีวิตของสัตว์ตกอยู่ในความเสี่ยง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันเป็นโรคเรื้อรัง อายุมาก หรือเป็นลูกสุนัข) เนื่องจากสัตว์กลุ่มนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เปราะบางอยู่แล้ว ผู้สอนจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษตลอดการรักษา

ไข้หวัดในสุนัขแพร่เชื้อได้อย่างไร

การแพร่เชื้อของไข้หวัดสุนัขเกิดขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงระหว่างสุนัขที่แข็งแรงและสุนัขที่ติดเชื้อ ไวรัสแพร่กระจายไปในอากาศผ่านทางสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นสุนัขที่มีการสัมผัสกับสัตว์อื่นบ่อยครั้งจึงมีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาประเภทนี้มากกว่า

นอกจากนี้ ไข้หวัดสุนัขยังสามารถแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสทางอ้อมได้อีกด้วย นั่นคือ หากลูกสุนัขแบ่งปันสิ่งของบางอย่างอย่างต่อเนื่อง เช่น อาหาร น้ำ ของเล่น และอื่นๆ กับสุนัขตัวอื่นๆ มีโอกาสมากขึ้นที่จะป่วยเมื่อสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อน

ไข้หวัดสุนัขไม่ติดต่อ ผ่านมาสู่มนุษย์ได้หรือไม่

นี่เป็นคำถามที่พบบ่อยมากในหมู่ผู้สอน แต่คำตอบคือไม่ คำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญนี้เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ A และแบคทีเรีย Bordetella bronchiseptica ถือเป็นสายพันธุ์เฉพาะ ในทางปฏิบัติ หมายความว่าพาหะที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดสุนัขมีผลเท่านั้นสัตว์ในสปีชีส์เดียวกัน - ในกรณีนี้คือ สุนัข - ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงที่ไข้หวัดจากสุนัขจะแพร่สู่คนและในทางกลับกัน

ไข้หวัดใหญ่ สุนัข: อาการของโรค ได้แก่ อาการไอและน้ำมูกไหลบ่อย

สุนัขที่เป็นไข้หวัดมักจะแสดงอาการไม่ค่อยสบายและแสดงสัญญาณบางอย่างว่าเขาป่วย ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะระบุสถานการณ์ . ในการเริ่มต้น ผู้สอนสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในพฤติกรรมของสัตว์ได้ เนื่องจากลูกสุนัขมีแนวโน้มที่จะเนียนและขัดสนมากขึ้น หรือเพียงแค่สงบเสงี่ยมในมุมของเขา นอกจากนี้ดร. Froylan เน้นอาการทางร่างกายที่พบบ่อยในสุนัขที่เป็นไข้หวัด:

• ไอแห้งๆ
• Coryza
• จาม
• น้ำตาไหล
• ความไม่แยแส

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่ามีสัญญาณบ่งชี้อื่นๆ ของโรคหรือไม่ เช่น สุนัขมีไข้ เบื่ออาหาร และหายใจลำบาก ในกรณีที่สงสัย คำแนะนำคือการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การวินิจฉัยเสร็จสิ้นและการรักษา - หากจำเป็น - เริ่มต้นขึ้น โอ้ และน่าสังเกตว่าเมื่อพูดถึงสุนัขที่เป็นไข้หวัด อาการจะไม่แสดงออกมาพร้อมกันเสมอไป นั่นคือลูกสุนัขอาจแสดงอาการของโรคเพียงสองหรือสามอย่าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

การวินิจฉัยไข้หวัดในสุนัขทำอย่างไร?

ในการตรวจหาไข้หวัดในสุนัข สัตวแพทย์ต้องทำการวินิจฉัยเชื่อมั่น. กระบวนการนี้ค่อนข้างง่าย: ตามที่ดร. Froylan ความทรงจำที่ดีและการทดสอบทางกายภาพและในห้องปฏิบัติการก็เพียงพอที่จะยืนยันการมีอยู่ของไข้หวัดสุนัข

โดยทั่วไปแล้ว การรำลึกความหลังประกอบด้วยการสนทนากับผู้พิทักษ์สัตว์เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับกิจวัตรของลูกสุนัขและพฤติกรรมของลูกสุนัขในช่วงหลายวันก่อนการปรึกษาสัตวแพทย์ ในทางกลับกัน การตรวจร่างกายจะประเมินสภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยง ดังนั้น คุณสามารถวัดอุณหภูมิของสุนัขและฟังเสียงปอดของมันได้ เป็นต้น การทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ร้องขอสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตั้งแต่การตรวจเลือดอย่างง่ายในสุนัขไปจนถึงการเอ็กซ์เรย์ (ซึ่งพบได้บ่อยเมื่อสงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม)

ไข้หวัดสุนัข: การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะและยาต้านการอักเสบ

เมื่อการวินิจฉัยได้รับการยืนยัน คำถามที่ผู้สอนส่วนใหญ่ถามเกี่ยวกับไข้หวัดในสุนัขคือ: จะรักษาได้อย่างไร การฟื้นตัวของสัตว์นั้นง่ายมาก สุนัขที่เป็นไข้หวัดต้องการการพักผ่อน น้ำมากๆ และอาหารที่ดี “เนื่องจากมันเป็นโรคที่จำกัดตัวเองได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ไข้หวัดสุนัขมีแนวโน้มที่จะหายไปภายในสองสามวัน” สัตวแพทย์อธิบาย

ในกรณีที่สุนัขมีอาการ เช่น มีไข้ อาจแนะนำให้ใช้ยาเฉพาะเพื่อบรรเทาปัญหา เช่น ยาลดไข้ นอกจากนี้ ขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของเงื่อนไขอาจมีการระบุยาปฏิชีวนะสำหรับสุนัขที่รักษาไข้หวัดสุนัขและยาต้านการอักเสบ และจำเป็นต้องมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับขนาดและระยะเวลาที่ระบุ

เป็นที่น่าสังเกตว่าสัตว์ต้องถูกแยกเดี่ยวเมื่อมีไข้หวัดเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อไปยังสัตว์อื่น สิ่งสำคัญคือต้องทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ ของสุนัขเป็นอย่างดี เช่น หม้ออาหาร หม้อน้ำ ของเล่น และสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกสุนัขติดเชื้ออีกครั้งหลังจากฟื้นตัวได้ไม่นาน

สุนัขที่เป็นไข้หวัด: สิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำในสถานการณ์เหล่านี้

แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายใดๆ ก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่สงสัยว่าเป็นไข้หวัด ก็ยากที่จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของสุนัขที่เป็นไข้หวัด จะทำอย่างไรเพื่อช่วยเพื่อนสี่ขาของคุณ? การรักษาที่บ้านเป็นทางเลือกหรือไม่? ความจริงก็คือแม้ว่าจะมีแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถใช้ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงสูตรอาหารโฮมเมดบนอินเทอร์เน็ตโดยเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด สัตวแพทย์เตือนว่าไม่มีวิธีการรักษาที่บ้านที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ดังนั้น แม้ว่าความตั้งใจจะดีที่สุด อุดมคติก็คือการหลีกเลี่ยงการใช้ยากินเองทุกประเภทโดยไม่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ในทางกลับกัน มี ใช่ มี ข้อควรระวังบางประการที่สามารถทำได้กับสุนัขที่เป็นไข้หวัด “หากสัตว์ได้รับการให้อาหารแบบ Super Premium ก็จะมีการเข้าถึงน้ำจืดและอาหารเสริมเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของสุนัข โอกาสของไข้หวัดสุนัขลดลง!” Froylan เน้นย้ำ

ป้องกันไข้หวัดสุนัขได้อย่างไร?

ข่าวดีก็คือ ไข้หวัดในสุนัขสามารถป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยทัศนคติและความเอาใจใส่เพียงเล็กน้อย การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของสัตว์รวมถึงการฉีดวัคซีนเป็นวิธีหลักในการทำเช่นนี้ ใช่ ถูกต้อง: ด้วยวัคซีน ไข้หวัดสุนัขสามารถป้องกันได้ง่าย และสุนัขของคุณจะได้รับการป้องกันจากโรคนี้มากขึ้น แนะนำโดยทั่วไปสำหรับสุนัขที่ต้องสัมผัสตลอดเวลาและมีการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม สุนัขทุกตัวสามารถฉีดวัคซีนได้

วัคซีนไข้หวัดใหญ่สุนัขจะได้รับในสองโดส ครั้งแรกจะถูกระบุเมื่อสุนัขมีชีวิตครบแปดสัปดาห์ และครั้งที่สองระหว่างสองถึงสี่สัปดาห์ต่อมา เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่ชะลอการฉีดวัคซีนสุนัข มิฉะนั้นประสิทธิภาพอาจลดลง นอกจากนี้ จำเป็นต้องมีสารกระตุ้นประจำปีเพื่อให้สุนัขห่างไกลจากไข้หวัด

ข้อควรระวังอื่นๆ ที่ดร. Froylan คือ: "อาหารเสริมเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โภชนาการที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสุนัขที่มีอาการ" ดังนั้น ลงทุนในอาหารสุนัขที่ดี (ควรเป็นประเภท Premium หรือ Super Premium) และพูดคุยกับสัตวแพทย์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการรวมอาหารเสริมและวิตามินสำหรับสุนัขที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของสุนัขสัตว์.