โรคเชื้อราในสุนัขเป็นโรคที่สร้างความกังวลใจให้กับเจ้าของสุนัขจำนวนมาก นอกจากทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์แล้ว ไจอาร์เดียในสุนัขยังอาจทำให้เสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อะไรคืออาการของไจอาร์เดียในสุนัข สาเหตุในร่างกายของสัตว์เลี้ยง และวิธีป้องกัน นี่คือข้อสงสัยบางประการที่ผู้ปกครองสัตว์เลี้ยงหลายคนมีเกี่ยวกับโรคนี้

เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจโรคไจอาร์เดียในสุนัขได้ดียิ่งขึ้น สุนัข อุ้งเท้าของบ้าน ได้แยกคำถามและคำตอบ 10 ข้อที่ตอบคำถามทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับโรคนี้

1) ไจอาร์เดียในสุนัขคืออะไร

โรคเชื้อราในสุนัขคือการติดเชื้อปรสิตที่โจมตีลำไส้ของสุนัข เกิดจากโปรโตซัวที่เรียกว่า Giardia lamblia โรคนี้ถือเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ กล่าวคือ สามารถติดต่อสู่คนได้ นอกจากนี้ปรสิตชนิดนี้ยังสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กรณีของ giardiasis ในสุนัขนั้นพบได้บ่อยที่สุด

2) สุนัขทำสัญญากับ giardiasis ในสุนัขได้อย่างไร

Giardiasis เป็นโรคติดต่อในสุนัขผ่านการสัมผัสหรือการกินโอโอซิสต์ของโปรโตซัว มักพบในน้ำ อาหาร และอุจจาระที่ปนเปื้อน เนื่องจากลูกสุนัขมีนิสัยชอบเอาทุกอย่างที่เห็นเข้าปาก วัตถุปนเปื้อนใดๆ ที่ถูกกัดอาจทำให้เกิดโรคได้

3) พัฒนาการของไกอาร์เดียในสุนัขพัฒนาในร่างกายของสัตว์เลี้ยง?

โปรโตซัวที่ทำให้เกิดโรคไจอาร์เดียซิสในสุนัขจะอาศัยอยู่ในอวัยวะของระบบย่อยอาหารของสุนัข ส่วนใหญ่อยู่ในลำไส้เล็ก ซีสต์ของปรสิตจะพัฒนาภายในและเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบ ซีสต์ของ giardiasis ในสุนัขเหล่านี้จะถูกกำจัดออกไปพร้อมกับอุจจาระของสัตว์ ดังนั้นหากสุนัขตัวอื่นสัมผัสกับอุจจาระที่ปนเปื้อนเหล่านี้ สุนัขก็จะติดโรคนี้เช่นกัน

4) โรคไจอาร์เดียในสุนัขมีอาการอย่างไร

เช่นเดียวกับโรคไจอาร์เดียในสุนัข เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ อาการมักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาในภูมิภาคนี้ สาเหตุหลักคืออาการท้องร่วงในสุนัข อาจต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่องก็ได้ (หยุดชั่วขณะแล้วกลับมาใหม่) โดยปกติแล้วสามารถพบเลือดในอุจจาระของสุนัข และในบางกรณี อาจมีเมือกและถุงน้ำเล็กๆ นอกเหนือจากกลิ่นที่รุนแรงมาก

ใน Giardia ในสุนัข อาการทั่วไปนอกเหนือจากอาการท้องเสีย มีอาการอาเจียน ปวดท้อง มีแก๊ส น้ำหนักลดและความอยากอาหาร ไม่แยแส เบื่ออาหาร ขนร่วง อ่อนเพลียและขาดน้ำในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น เนื่องจากท้องเสียและอาเจียนมากเกินไป

5) ไจอาร์เดียในสุนัขเป็นอย่างไร ออกมาในอุจจาระ?

อุจจาระของสุนัขที่เป็นโรคไกอาร์เดียมักจะมีซีสต์อยู่ในอุจจาระของสุนัข อย่างไรก็ตาม มีโรคอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหานี้เช่นกัน การติดเชื้อโปรโตซัวอื่นๆ โรคลำไส้อักเสบ เนื้องอก และแม้กระทั่งแม้แต่การแพ้อาหารก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดซีสต์ในอุจจาระได้ ดังนั้น การให้ความสนใจกับสัญญาณทั้งหมดและพาสัตว์เลี้ยงไปหาสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญมาก

นอกจากนี้ ควรจำไว้ว่าจำนวนของซีสต์ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค . ความถี่ที่พวกเขาออกไปอาจแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ซึ่งหมายความว่าสุนัขที่มีถุงน้ำจำนวนมากในอุจจาระไม่จำเป็นต้องมีภาวะที่ร้ายแรงกว่าสุนัขที่มีถุงน้ำน้อย แม้ว่าปริมาณจะแตกต่างกันไปในแต่ละวันในสัตว์ตัวเดียวกันก็ตาม

6) วิธีการ การวินิจฉัย Giardia ในสุนัขทำขึ้นหรือไม่?

การทดสอบอุจจาระมักไม่แม่นยำ เนื่องจากเป็นเรื่องปกติที่ตัวอย่างที่เก็บจะไม่มีร่องรอยของเชื้อไจอาร์เดีย จากนั้นสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม ดังนั้นการวินิจฉัยโรคไจอาร์ไดอาซิสในสุนัขจึงมักทำโดยการวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระที่แตกต่างกันสามตัวอย่าง นอกจากนี้ อาจมีการร้องขอการทดสอบอื่น ๆ เช่น ปรสิตและการทดสอบทางเซรุ่มวิทยาเพื่อยืนยันข้อสงสัย การวิเคราะห์ประวัติของสัตว์ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพื่อระบุการวินิจฉัยโรคไจอาร์เดียในสุนัข ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

7) โรคเชื้อราในสุนัขรุนแรงกว่าในลูกสุนัขหรือไม่?

โรคเชื้อราในสุนัขเป็นโรคที่หากไม่รักษาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง อาจทำให้สัตว์ตายได้ การดูแลต้องยิ่งใหญ่กว่าในกรณีของลูกสุนัขโรคนี้มักรุนแรงกว่าในสุนัขอายุระหว่างสามถึงหกเดือน เมื่อลูกสุนัขติดเชื้อ Giardia ในสุนัข ลูกสุนัขจะใช้เวลาฟื้นตัวนานขึ้น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของพวกมันยังไม่พัฒนาเต็มที่ ดังนั้น ลูกสุนัขจึงมักจะติดโรคได้ง่ายกว่า และอาจหายยากขึ้นหากไม่เริ่มการรักษาโดยเร็ว

8) มีวิธีรักษาไจอาร์เดียในสุนัขหรือไม่?

โรค Giardiasis ในสุนัขสามารถรักษาให้หายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ โดยทั่วไปการรักษาจะประกอบด้วยยาสำหรับ Giardia ในสุนัข ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่สัตวแพทย์สั่งจ่าย โดยปกติจะต้องดำเนินการเป็นเวลาห้าถึงเจ็ดวัน ในกรณีของ giardiasis ขั้นสูงและรุนแรงกว่าในสุนัขที่มีภาวะขาดน้ำ อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อทำการเปลี่ยนอิเล็กโทรไลต์ด้วยการใช้ซีรั่ม

9) ป้องกันไจอาร์ไดอาซิสในสุนัขได้อย่างไร?

การป้องกันเชื้อไจอาร์เดียในสุนัขไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใช้มาตรการสุขอนามัยบางอย่าง สิ่งสำคัญคือต้องป้องกันไม่ให้สุนัขไปเยี่ยมชมสถานที่ที่อาจมีการปนเปื้อนและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ที่สงสัยว่าเป็นโรคไจอาร์เดียในสุนัข นอกจากนี้ อย่าให้สุนัขเข้าใกล้อุจจาระของสัตว์อื่น เพราะอาจปนเปื้อนได้ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสภาพแวดล้อมที่คุณอาศัยอยู่ให้สะอาดอยู่เสมอ สารละลายเบนซาลโคเนียมคลอไรด์เหมาะสำหรับการฆ่าเชื้อบริเวณนั้น

ดูสิ่งนี้ด้วย: แมวร้อน: มันเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนและนานแค่ไหน?

10) มีวัคซีนป้องกันโรคไกอาร์เดียในสุนัขหรือไม่?

ใช่! วัคซีนป้องกันเชื้อไจอาร์เดียในสุนัขก็เหมือนกับสุขอนามัย ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีหลักในการป้องกันโรค เธอทำหน้าที่ในร่างกายของสัตว์เลี้ยงสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งต่อโรค ดังนั้น แม้ว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะติดเชื้อ Giardiasis ในสุนัขหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว โอกาสที่จะเกิดโรคร้ายแรงก็มีน้อยมาก

นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่าย นั่นคือ วัคซีนป้องกันเชื้อไจอาร์เดียในสุนัขไม่เพียงปกป้องสัตว์เลี้ยงของคุณเท่านั้น แต่ยังป้องกันไม่ให้ผู้อื่นปนเปื้อนเชื้ออีกด้วย การฉีดวัคซีนสามารถทำได้ในลูกสุนัขอายุตั้งแต่แปดสัปดาห์ โดยฉีดครั้งที่สองหลังจากอายุ 21 ถึง 28 วัน ผู้สนับสนุนประจำปียังจำเป็นเพื่อให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับการปกป้องอยู่เสมอ

11) Giardia อยู่ในสุนัขได้กี่วัน?

ระยะเวลาของการเกิด Giardiasis ในสุนัขขึ้นอยู่กับการรักษาและว่ามีการติดเชื้อซ้ำหรือไม่ในช่วงเวลานี้ โดยทั่วไปเป็นโรคที่สามารถคงอยู่ได้ตั้งแต่ 4 ถึง 12 วัน และจำเป็นต้องทำการตรวจเป็นระยะเพื่อควบคุมการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพในวันถัดจากวันสิ้นสุด

ดูสิ่งนี้ด้วย: ลูกแมวกินวันละกี่ครั้ง?

12) อะไร เกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่รักษา Giardia สุนัข?

เมื่อเราพูดถึงโรคไจอาร์เดียในสุนัข อาการหลักๆ ได้แก่ อาการท้องร่วง อาเจียน ปวดท้อง และน้ำหนักลด หากโรคไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง นอกจากจะเป็นอันตรายถึงชีวิตแล้ว ยังสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะต่างๆสุขภาพของสัตว์ เช่น การดูดซึมสารอาหารที่ผิดปกติ พัฒนาการที่ล่าช้าของสัตว์ และปัญหาด้านความสามารถทางสติปัญญา

13) Vermifuge ชนิดใดสำหรับ Giardia ในสุนัข?

โรค Giardiasis ในสุนัขต้องได้รับการปฏิบัติจากสัตวแพทย์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น การใช้ยาด้วยตนเอง แม้จะมีเจตนาดีที่สุด แต่ก็อาจทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลงได้ ดังนั้น ทางที่ดีควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรวมถึงยาถ่ายพยาธิที่ดีที่สุดสำหรับสุนัข