ด้วยฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ทรงพลัง คอร์ติคอยด์สำหรับสุนัขจึงเป็นยาที่มักจะทำให้เกิดคำถามมากมายกับผู้ปกครองสัตว์เลี้ยง แม้ว่าจะมีการระบุไว้สำหรับการรักษาปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น การแพ้สุนัขและผิวหนังอักเสบ แต่ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ในสัตวแพทย์อาจเป็นอันตรายต่อสุนัขได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้อย่างต่อเนื่องและไม่มีการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใส่ใจกับผลกระทบของคอร์ติคอยด์ต่อสุนัขเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นว่าคอร์ติโคสเตียรอยด์ใช้ในสุนัขอย่างไร ในกรณีใดบ้างที่มีการระบุยาและข้อห้ามใช้ เราได้พูดคุยกับสัตวแพทย์ Lucas Zagatto จากเซาเปาโล ดูว่าเขาอธิบายอะไร!

คอร์ติคอยด์สำหรับสุนัขทำงานอย่างไร

อันที่จริงแล้วคอร์ติคอยด์สำหรับสุนัขคือฮอร์โมนที่ผลิตโดยร่างกายของสุนัขเอง และมักจะหลั่งออกมาในบางสถานการณ์ . ตามที่ลูคัสอธิบาย คอร์ติคอยด์ผลิตขึ้นจากโมเลกุลคอเลสเตอรอลในคอร์เท็กซ์ (บริเวณนอกสุด) ของต่อมหมวกไต “การผลิตและการหลั่งของมันถูกควบคุมโดยกลไกป้อนกลับ กล่าวคือ เมื่อมีการหลั่งคอร์ติคอยด์มากเกินไปจากต่อมหมวกไต สารที่หลั่งออกมานั้นจะออกฤทธิ์ตามจุดต่างๆ ของสมอง ทำให้มันลดการหลั่งของมัน” ในทางกลับกัน การปลดปล่อยนี้ถูกควบคุมโดยสิ่งเร้าต่างๆ เช่นความเจ็บปวด ความเครียด อุณหภูมิ การออกกำลังกาย และอื่นๆ

แล้วคอร์ติคอยด์ทำงานอย่างไรกับสุนัขล่ะ? สัตวแพทย์ตอบว่า: “คอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสุนัขทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง รวมถึงฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ทรงพลัง ซึ่งเหนือกว่ายาต้านการอักเสบอื่นๆ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หลายเท่า”

ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสุนัขเหมาะกับกรณีใดบ้าง

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าคอร์ติคอยด์สำหรับสุนัขใช้เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์และเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ "มีศักยภาพมากกว่า" ในบรรดาข้อบ่งชี้ทางคลินิกที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการใช้คอร์ติคอยด์ ลูคัสเน้นว่า: “ โรคผิวหนัง, จักษุวิทยา, ความผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูก, การอักเสบต่างๆ, ปัญหาการเผาผลาญต่างๆ, ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์, กรณีของภูมิไวเกินและภาวะภูมิแพ้, การรักษาเนื้องอก เช่น ยากดภูมิคุ้มกันในโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง"

ถึงกระนั้น การขอคำแนะนำจาก สัตวแพทย์ ก่อนเริ่มใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์สุนัขไม่ควรได้รับยาด้วยตนเอง - เช่นเดียวกับยาอื่น ๆ เช่นยาปฏิชีวนะสำหรับสุนัข - และควรได้รับการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดโดยผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมียาหลายประเภท เช่น ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสุนัข ยาเม็ด ครีม หรือของเหลวฉีด

ควรจำไว้ว่ามีความแตกต่างระหว่างคอร์ติโคสเตียรอยด์ของมนุษย์และคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสัตวแพทย์ “ความแตกต่างคือปริมาณของคุณ นอกจากนี้ ยังจำแนกตามระยะเวลาที่ออกฤทธิ์ในร่างกายและความแรง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ออกฤทธิ์สั้น ออกฤทธิ์ปานกลาง และออกฤทธิ์นาน” ลูคัสอธิบาย เพื่อให้ทราบขนาดที่ถูกต้องของคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสุนัข การประเมินของสัตวแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ

คอร์ติโคสเตียรอยด์มีผลอย่างไรต่อสุนัข?

โปรดทราบว่าผลกระทบของคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสุนัขมักเกิดขึ้นเมื่อใช้ยาอย่างไม่เหมาะสม โดยไม่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม ในแง่นี้ การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมบางอย่างสามารถสังเกตได้ เช่น ความตื่นตระหนก ความใจร้อน และการเห่ามากเกินไป ในทางกลับกัน สัตวแพทย์ยังเตือนด้วยว่า ผลกระทบของคอร์ติโคสเตียรอยด์ต่อสุนัขถือว่าไม่เฉพาะเจาะจง เนื่องจากออกฤทธิ์กับร่างกายทั้งหมด ไม่ใช่แค่เฉพาะบริเวณที่เกิดการอักเสบเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ลูคัสกล่าวว่า "ผลข้างเคียงบางอย่างของคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสุนัขอาจรวมถึงการกดภูมิคุ้มกันที่ไม่ต้องการ ภาวะต่อมหมวกไตอักเสบจากไออาโทรเจน การเปลี่ยนแปลงของตับ แผลในกระเพาะอาหาร น้ำตาลในเลือดสูง ต้อกระจก ท่ามกลาง คนอื่น. ในการรักษาที่ยืดเยื้อ การตรวจติดตามบ่อยๆ ด้วยการตรวจร่างกายและการตรวจเพิ่มเติม เป็นวิธีที่สำคัญในการประเมินผลของคอร์ติโคสเตียรอยด์ในสุนัข”

การดูแลด้วยการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับสุนัข

สัตวแพทย์มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพสัตว์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำทั้งหมดที่ได้รับ เช่น ปริมาณของคอร์ติคอยด์สำหรับสุนัขและระยะเวลาของการรักษา ในบางสถานการณ์ การดูแลนี้ควรมากกว่านั้น เนื่องจากการใช้คอร์ติคอยด์สำหรับสุนัขอย่างต่อเนื่องอาจเป็นปัญหาได้ “จำเป็นต้องระมัดระวังในกรณีของภาวะไตวาย โรคเบาหวาน การตั้งครรภ์ของสุนัข การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสเรื้อรัง ไมโคซิสในระบบหรือลึก กระบวนการทางตาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระจกตา หรือการติดเชื้อไวรัสเรื้อรัง” เขาเน้นย้ำ