คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคร้ายในแมวหรือไม่? เป็นที่ทราบกันดีเกี่ยวกับโรคร้ายในสุนัข ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างต่อสุขภาพของสุนัข เจ้าของสุนัขหลายคนกลัวสภาพนี้ แต่ยังรวมถึงเจ้าของลูกแมวด้วย มีโรคที่เรียกว่า "โรคร้ายในแมว" ซึ่งดูเหมือนจะเหมือนกับโรคที่เกิดกับสุนัข อย่างไรก็ตาม มีข้อสงสัยมากมายว่าคำนี้เหมาะสมที่สุดในการอ้างถึงเงื่อนไขนี้หรือไม่ ท้ายที่สุด โรคร้ายสามารถติดในแมวได้หรือโรคนี้เกิดกับสุนัขเท่านั้น? Paws of the House อธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับ “โรคร้ายในแมว”!

โรคร้ายติดแมวได้หรือไม่

คำว่า “โรคร้ายในแมว” เป็นที่นิยมในการนิยาม โรคในแมวที่คล้ายกับโรคร้ายในสุนัข อย่างไรก็ตาม การบอกว่าเชื้อโรคติดแมวนั้นผิด โรคร้ายในแมวและโรคพิษสุนัขบ้าที่โด่งดังเป็นโรคที่มีอาการคล้ายคลึงกันและมีความร้ายแรงสูง นอกจากนี้ยังเกิดจากไวรัสที่ดื้อยามากซึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถพูดได้ว่าแมวติดโรคด้วยเหตุผลง่ายๆ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคทั้งสองนั้นแตกต่างกัน

โรคร้ายในสุนัขเกิดจากไวรัสในตระกูล Paramyxovirus ในขณะเดียวกัน “โรคร้ายแมว” เกิดจากไวรัสจากตระกูล Parvoviridae หรือ Feline Parvovirus เนื่องจากตัวแทนที่เป็นสาเหตุของพวกเขาแตกต่างกัน จึงไม่เป็นเช่นนั้นพูดได้อย่างปลอดภัยว่าโรคร้ายเกิดขึ้นในแมว แม้ว่าโรคนี้จะทำให้นึกถึงสุนัข คำที่ถูกต้องในการนิยาม “โรคไข้หัดในแมว” คือภาวะเม็ดเลือดขาวในแมว

ภาวะเม็ดเลือดขาวในแมวในแมวคืออะไร? มารู้จักโรคที่มีชื่อเล่นว่า “โรคไข้หัดในแมว” กันดีกว่า

เราไม่สามารถพูดได้ว่าแมวเป็นโรคไข้หัด แต่แมวเป็นโรคไข้เม็ดเลือดขาวในแมว แต่ panleukopenia ของแมวคืออะไรกันแน่? เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากพาร์โวไวรัสในแมว การปนเปื้อนเกิดขึ้นจากการสัมผัสอุจจาระ ปัสสาวะ และน้ำลายของสัตว์ที่ปนเปื้อน โดยปกติหลังจากการต่อสู้หรือใช้สิ่งของร่วมกัน ดังที่เราได้อธิบายไป ไวรัสยังคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน ดังนั้นความเสี่ยงของการปนเปื้อนจึงสูง โดยปกติแล้ว "โรคไข้หัด" จะติดได้ในลูกแมวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่โรคนี้อาจส่งผลต่อลูกแมวทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลูกแมวยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

"โรคไข้หัดในแมว": อาการของไข้เม็ดเลือดขาวจะคล้ายกันมากกับอาการ โรคร้าย โรคระบาดสุนัข

หลายคนคิดว่าโรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นในแมวเพราะอาการของมันเกือบจะเหมือนกันกับโรคไข้เลือดออกในสุนัข ภาวะเม็ดเลือดขาวในแมวทำงานเร็วมาก ดังนั้นการวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาให้หายขาด เมื่อเราพูดถึงโรคเม็ดเลือดขาว - หรือ "โรคไข้หัดในแมว" - อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ มีไข้ อาเจียน ขาดน้ำ เบื่ออาหารท้องร่วงโดยมีหรือไม่มีเลือด ดีซ่าน ซึมเศร้า เยื่อเมือกซีด และกดเจ็บบริเวณช่องท้อง ใน “โรคพิษสุนัขบ้าในแมว” อาการจะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันหลังจากระยะฟักตัวของไวรัสหนึ่งสัปดาห์ ความเร็วที่โรคแสดงออกทำให้แมวอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อแมวได้รับ "อารมณ์ร้าย" การรักษาจึงเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อแมวมี "อารมณ์ร้าย" การรักษาจึงเป็นไปได้

อีกเหตุผลหนึ่งที่อธิบายว่าเหตุใดเราจึงไม่สามารถพูดได้ว่าแมวมีโรคร้ายคือความจริงที่ว่า "โรคพิษสุนัขบ้า" สามารถรักษาให้หายได้ ในขณะที่โรคพิษสุนัขบ้านั้นไม่สามารถรักษาได้ โรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขสามารถส่งผลร้ายแรงได้ และไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคนี้ มีเพียงการรักษาประคับประคองตามอาการเท่านั้น ภาวะเม็ดเลือดขาวในแมวสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะเฉพาะ นอกจากนี้ เมื่อ "อารมณ์ร้าย" เกิดขึ้นในแมว การบำบัดด้วยของเหลวก็เช่นกัน เนื่องจากโรคนี้ทำให้สัตว์เลี้ยงขาดน้ำอย่างมาก ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการรักษาภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำคือความสะอาดของสิ่งแวดล้อม ดังที่เราได้อธิบายไปแล้ว ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคนั้นดื้อยามาก หากแมวมี "โรคร้าย" แสดงว่าแมวได้รับเชื้อไวรัสและความน่าจะเป็นที่ยังคงมีพาร์โวไวรัสในสิ่งแวดล้อมสูงมาก ทำให้เกิดการปนเปื้อนต่อไปได้ ดังนั้นการฆ่าเชื้อสถานที่จึงเป็นสิ่งจำเป็น

วัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน “โรคร้ายในแมว”

เมื่อเราพูดถึงการป้องกัน “โรคร้ายในแมว” ก็เหมือนกับโรคพิษสุนัขบ้า ในทั้งสองกรณี โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน วัคซีนสี่เท่าเป็นวัคซีนป้องกันภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำในแมว และควรฉีดตั้งแต่อายุสองเดือนขึ้นไป มีสามโดสให้ห่างกันประมาณ 20 ถึง 30 วัน นอกจากนี้ ทุกๆ ปี คุณต้องใช้บูสเตอร์เพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้รับการปกป้องอยู่เสมอ การฉีดวัคซีนในแมวเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงเพื่อป้องกันโรคเม็ดเลือดขาวในแมว (หรือ "โรคไข้หัดในแมว") แต่ยังรวมถึงโรคอื่นๆ อีกหลายชนิด