การลดน้ำหนักในสุนัขเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของกังวลใจ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน สุนัขน้ำหนักลดและขาดความอยากอาหารมักเป็นสัญญาณเตือนถึงสุขภาพของสัตว์ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่มีตั้งแต่ปัญหาง่ายๆ ที่แก้ไขได้ง่าย เช่น ความวิตกกังวล ไปจนถึงสภาวะที่ร้ายแรงกว่า เช่น โรคเบาหวานในสุนัข หากสุนัขน้ำหนักลดเป็นสถานการณ์ที่คุ้นเคยสำหรับคุณ ก็ถึงเวลาทำความเข้าใจสาเหตุหลักที่ทำให้สุนัขน้ำหนักลดและถึงเวลาขอความช่วยเหลือ

“สุนัขของฉันน้ำหนักลดกะทันหัน ฉันต้อง เป็นห่วงตัวเองหรือเปล่า”

มีหลายสถานการณ์ที่อาจทำให้สุนัขน้ำหนักลดได้ ดังนั้นก่อนที่จะสิ้นหวังเกี่ยวกับสุขภาพของสุนัข สิ่งสำคัญคือต้องวิเคราะห์ว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในกิจวัตรของสุนัขที่อาจนำไปสู่สิ่งนี้หรือไม่ สุนัขที่อยู่ประจำที่ไม่ชอบออกกำลังกายบ่อยๆ แต่เริ่มเดินและเคลื่อนไหวมากขึ้น อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงในอาหารของสัตว์ เนื่องจากสุนัขใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับอาหารใหม่ และในขณะเดียวกัน พวกมันอาจลงเอยด้วยน้ำหนักที่ลดลง

การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรอื่นๆ เช่น การย้ายบ้าน มักจะปล่อยให้ลูกสุนัขสับสนและกระวนกระวายในตอนแรก ดังนั้นการที่สุนัขขาดความอยากอาหารเป็นเรื่องปกติในกรณีเหล่านี้แต่การผู้ดูแลควรเอาใจใส่พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสุนัขที่เครียดและวิตกกังวลมีแนวโน้มที่จะป่วยได้ หากสุนัขน้ำหนักลดไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องเปิดการแจ้งเตือนและขอความช่วยเหลือจากสัตวแพทย์ที่เชื่อถือได้

สุนัขน้ำหนักลดเร็วเกินไป: จะเป็นอย่างไร

สุนัขน้ำหนักลดเร็วโดยไม่คาดคิดมักเป็นสัญญาณของปัญหา แต่สำหรับการประเมินสุขภาพของสุนัขในเชิงลึก ผู้สอนควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำการทดสอบและตรวจสอบที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น สาเหตุหลักที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักในสุนัขคือ:

• เบาหวานในสุนัข: โรคนี้เป็นโรคต่อมไร้ท่อที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในสุนัขแก่ และสุนัขสามารถมีน้ำหนักลดได้เหมือนกัน อาการหลักของมัน อย่างไรก็ตามในขณะที่สัตว์ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วสามารถสังเกตความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้นรวมถึงการดื่มน้ำที่เพิ่มขึ้น

• โรคตับ: สุนัขที่เบื่ออาหารและน้ำหนักลดกะทันหันอาจเป็นสัญญาณของโรคตับได้เช่นกัน ซึ่งมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดี และเนื่องจากตับไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตับ ร่างกายจึงเริ่มใช้ของสะสมของไขมันเพื่อพยายามปรับสมดุลโภชนาการของร่างกาย เป็นผลให้สุนัขน้ำหนักลด

• โรคระบบทางเดินอาหาร: ในกรณีนี้ น้ำหนักที่ลดลงในสุนัขมักจะมาพร้อมกับอาการอื่นๆ อาการเช่นสุนัขอาเจียนหรือท้องร่วง การขาดน้ำทำให้เกิดความเปราะบางอย่างมากในสิ่งมีชีวิตของสุนัข ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสุขภาพของสุนัข โรคกระเพาะ ตับอ่อนอักเสบ และกระเพาะและลำไส้อักเสบเป็นโรคที่ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารของสุนัข

• ไตวายในสุนัข: สุนัข หากขาดความอยากอาหารอาจมีอาการไตวาย นั่นเป็นสาเหตุที่สัตว์ลงเอยด้วยการลดน้ำหนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่จะค่อยๆ นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ซึม อ่อนแรง อาเจียน ท้องเสีย และฉี่เปลี่ยนสี..

• หลอดอาหารขนาดใหญ่ใน สุนัข: ภาวะที่อาจส่งผลต่อสุนัขคือภาวะหลอดอาหารขนาดใหญ่ในสุนัข ซึ่งเป็นภาวะหลอดอาหารขยายตัวซึ่งเป็นผลมาจากความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เมื่อเกิดปัญหานี้ การอาเจียนต่อเนื่องพร้อมกับน้ำหนักลดในสุนัขเป็นสัญญาณเตือนหลัก สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสุนัขไม่สามารถขนส่งสารอาหารได้อย่างเหมาะสม

• ปรสิต: แม้ว่าสุนัขส่วนใหญ่จะได้รับการปกป้องด้วยเวอร์มิฟิวจ์ไม่สามารถตัดสมมติฐานที่ว่าสุนัขลดน้ำหนักเป็นผลมาจากการติดเชื้อปรสิตบางชนิด สุนัขที่มีพยาธิอาจมีอาการน้ำหนักลดและความอยากอาหาร นอกเหนือจากอาการอื่นๆ เช่น ท้องเสีย ขนอ่อนแอและสีซีด และการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวและลักษณะของอุจจาระ

สุนัขที่ไม่ค่อยอยากอาหาร: ทำอย่างไร เพื่อแก้ไขสถานการณ์

ก่อนอื่น เจ้าของควรนัดหมายกับสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้สุนัขน้ำหนักลด ต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในจดหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมีสุขภาพดี และไม่มีความเสี่ยงที่จะนำสัตว์เลี้ยงไปสู่โรคอ้วนในสุนัข ดังนั้น คำถามพื้นฐาน 2 ข้อที่ควรถามในเวลาให้คำปรึกษาคือ น้ำหนักที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสุนัขของคุณคือเท่าไร และสุนัขควรกินกี่แคลอรีต่อวัน จากนี้ผู้สอนจะสามารถสร้างกิจวัตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับด็อกโกได้ตามความต้องการของเขา สิ่งสำคัญคือต้องลงทุนในอาหารสุนัขคุณภาพดีเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเขาได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน หลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น การขาดสารอาหาร

ควรจำไว้ว่าหากสุนัขกำลังลดน้ำหนัก สุขภาพถูกทำลายเนื่องจากการเจ็บป่วยใด ๆ สัตวแพทย์เท่านั้นที่จะสามารถวินิจฉัยและกำหนดวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ การใช้ยาเองไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา