เช่นเดียวกับมนุษย์และสัตว์ป่าบางชนิด เช่น สิงโตและเสือ สุนัขและแมวก็สามารถเป็นเผือกได้เช่นกัน นอกจากรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นแล้ว สัตว์เหล่านี้ยังต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้สุขภาพของพวกมันทันสมัยอยู่เสมอ เนื่องจากพวกมันไวต่อสถานการณ์บางอย่างมากกว่าสัตว์อื่นๆ คุณรู้วิธีระบุสัตว์เผือกหรือไม่? คุณสามารถแยกสุนัขหรือแมวเผือกออกจากสัตว์สีขาวธรรมดาได้หรือไม่? ค้นหาคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้และคำถามอื่นๆ เกี่ยวกับสัตว์เผือกด้านล่าง!

โรคเผือกในสัตว์: คืออะไร

โรคเผือก - ในคนและสัตว์ - เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ทำให้สิ่งมีชีวิตไม่สามารถ ผลิตเมลานินซึ่งเป็นโปรตีนที่ส่งเสริมการสร้างเม็ดสีผิว ผม และดวงตา และยังปกป้องพวกเขาจากผลกระทบของรังสีดวงอาทิตย์ ดังนั้นสัตว์เผือกจะไม่แสดงสีตามลักษณะประจำพันธุ์ เขาจะมีขนาดเท่ากันและทำตัวเหมือนสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่รูปร่างหน้าตาจะเบากว่าตัวอื่นมาก ในกรณีของแมวและสุนัขซึ่งอาจมีสีขาวตามธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติที่ผู้ดูแลจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของภาวะนี้

เป็นมูลค่าการกล่าวขวัญว่าสัตว์เผือกจะไม่สมบูรณ์เสมอไป มี 4 ระดับ: ระดับที่มีผลเฉพาะกับดวงตา, ​​ระดับที่แสดงออกมาทางดวงตาและร่างกาย, ระดับที่ประกอบด้วยจุดที่มีเม็ดสีปกติ และระดับที่เหลือเพียงบางส่วนของร่างกายสีขาว. สัตวแพทย์จะสามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง ซึ่งไม่ได้ระบุถึงโรค

สุนัขเผือก: รู้ลักษณะสำคัญ

ขนสีขาวและผิวหนังสีอ่อนข้างใต้นั้นมีความเฉพาะเจาะจงมาก สัญญาณของภาวะเผือกในสุนัข แต่โดยลำพังแล้ว ลักษณะทางกายภาพเหล่านี้ไม่ได้หมายความถึงสุนัขเผือก คุณต้องใส่ใจกับรายละเอียดต่างๆ ดวงตาสีอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเฉดสีฟ้าหรือสีเทาที่อ่อนกว่าก็บ่งบอกได้เช่นกัน เปลือกตา ริมฝีปาก หูและแม้กระทั่งอุ้งเท้าต้องเป็นสีชมพูหรือสีขาว

วิธีแยกแมวเผือกออกจากแมวขาว

ในกรณีของแมว ภาวะเฮเทอโรโครเมียซึ่งเป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ทำให้ตาแต่ละข้างมีสีเดียวและพบได้บ่อยในแมวสีขาว มีแนวโน้มที่จะทำให้หลายคนสับสน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นสัญญาณของภาวะเผือก ในความเป็นจริง เป็นเรื่องปกติมากที่แมวเผือกจะมีดวงตาสีฟ้าอมเทาหรือดวงตาสีแดง เมื่อแสงสะท้อนจากการไหลเวียนของเลือดจากลูกตา เช่นเดียวกับผิวหนังซึ่งมีลักษณะเป็นสีชมพูเนื่องจากเลือดที่ไหลอยู่ใต้ผิวหนัง ในทางกลับกัน แมวขาวมียีนขนสีขาวเด่น สัตวแพทย์สามารถช่วยค้นหาว่าแมวเป็นเผือกหรือไม่

สัตว์เผือก: การดูแลเป็นพิเศษสำหรับสุนัขและแมว

เจ้าของสุนัขและแมวเผือกจำเป็นต้องจำไว้ว่าสัตว์เหล่านี้ไวต่อแสงแดดมากกว่าสัตว์อื่นๆ ดังนั้น,ควรหลีกเลี่ยงการเดินในช่วงที่แสงแดดแรงที่สุดและเป็นอันตรายมากที่สุด ระหว่างเวลา 10.00 น. ถึง 16.00 น. แมวและสุนัขเผือกสามารถถูกไฟไหม้รุนแรงหรืออาจถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้หากผู้สอนไม่ระวัง นอกจากนั้นยังรู้สึกไม่สบายตาเป็นอย่างมาก ใช้ชิ้นส่วนที่สามารถปกป้องสัตว์เลี้ยงได้ เช่น เสื้อผ้าและหมวก

ครีมกันแดดสำหรับสุนัขเป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐานในการดูแลสัตว์เผือก และต้องทาก่อนที่สัตว์เลี้ยงจะสัมผัสแสงแดด ท้ายที่สุดแล้ว สัตว์เลี้ยงเผือกไม่มีการป้องกันตามธรรมชาติที่สัตว์เลี้ยงอื่นๆ มี ความไวของผิวเผือกยังต้องคำนึงถึงเมื่อเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับการอาบน้ำ: เลือกใช้สบู่และแชมพูที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เสมอ และฉีดน้ำหอม

แสงสว่างภายในบ้านที่สัตว์เผือกอาศัยอยู่ก็ต้องการเช่นกัน ที่ต้องคิด: ไม่มีหลอดไฟสว่าง! สุดท้าย ให้พาแมวหรือสุนัขเผือกไปหาสัตว์แพทย์ทุกๆ 6 เดือนเพื่อให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง