คุณทราบหรือไม่ว่าโรคต้อหินในแมวเป็นปัญหาที่ต้องให้ความสนใจ โรคต้อหินเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพของแมวเช่นเดียวกับมนุษย์ กลุ่มอาการนี้ทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเสื่อมของเส้นประสาทตา โรคต้อหินในแมวสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่มีอยู่ในลูกแมว สิ่งสำคัญคือต้องเน้นว่าโรคต้อหินในแมวต้องการการดูแลที่มากกว่าในบรรดาโรคตา หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบปัญหา อาจทำให้แมวของคุณสูญเสียการมองเห็นได้ เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราได้พูดคุยกับจักษุแพทย์ Thiago Ferreira ซึ่งได้บอกเราเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของโรคนี้ การรักษา และการป้องกัน ลองดูสิ!

โรคตาของแมว: รู้สาเหตุเบื้องหลังโรคต้อหิน

โรคต้อหินสามารถจำแนกได้ 3 ลักษณะ ได้แก่ กำเนิด ปฐมภูมิหรือทุติยภูมิ เมื่อพูดถึงแมว โรคตานี้ในแมวมักเป็นมาแต่กำเนิดหรือเกิดจากสาเหตุอื่น ในกรณีแรกหมายความว่าสัตว์เกิดมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของตานี้ ในสถานการณ์ที่สอง โรคต้อหินในแมวพัฒนาขึ้นเนื่องจากปัญหาทางระบบที่มีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งท้ายที่สุดทำให้เกิดโรคนี้ในตาของแมว “สาเหตุหลักของโรคต้อหินในแมวนั้นมาจากภาวะม่านตาอักเสบ Uveitis เกิดจากโรคทางระบบหลายอย่าง ถึงที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ FIV, FeLV, PIF, calicivirus และแบคทีเรียอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อ uvea ของแมว สาเหตุอื่นของโรคต้อหินในแมวคือเนื้องอก มีเนื้องอกสามชนิดที่สามารถมีส่วนร่วมในการก่อตัวของโรคต้อหิน: มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ซึ่งอาจหรือไม่เกี่ยวข้องกับ IVF และ FeLV), มะเร็งผิวหนังชนิดกระจายม่านตา และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในร่างกายปรับเลนส์” Thiago อธิบาย

โรคต้อหินบน ในทางกลับกัน โรคปฐมภูมิพบได้น้อยมากและเกิดขึ้นเมื่อสัตว์มีความบกพร่องทางพันธุกรรมในการพัฒนาโรคนี้ แมวบางสายพันธุ์ เช่น เบอร์มีสและสยามมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่า

5 อาการของโรคต้อหินในแมวที่ต้องระวัง

อาการของโรคต้อหินในแมวอาจทำให้สับสนได้อย่างมากสำหรับ เจ้าของ “สัญญาณของโรคต้อหินในแมวนั้นค่อนข้างอันตราย เพราะพวกมันมักจะเริ่มด้วยสัญญาณที่ละเอียดอ่อนมาก ครอบครัวของผู้ป่วยจะรับรู้ได้ยาก และจะสังเกตได้ก็ต่อเมื่อโรคต้อหินอยู่ในระยะลุกลามแล้ว” Thiago อธิบาย ในบรรดาสัญญาณที่พบบ่อยที่สุดของต้อหินในแมว เราสามารถเน้น:

• ขนาดลูกตาที่เพิ่มขึ้น
• ตาแดง
• ความทึบของกระจกตา
• รูม่านตาขยาย
• ความดันลูกตาเพิ่มขึ้น

โรคตาแมว: ควรวินิจฉัยโรคโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจักษุวิทยา

คุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ในแมวของคุณหรือไม่? พาเขาไปทันทีเพื่อนัดหมายกับสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจักษุวิทยา เนื่องจากเป็นโรคในตาแมวที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน การวินิจฉัยจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นลูกแมวอาจสูญเสียการมองเห็นทีละน้อย Thiago กล่าวว่า "การวินิจฉัยโรคต้อหินในแมวทำได้โดยใช้ tonometry ซึ่งเป็นการตรวจที่วัดความดันในดวงตาของผู้ป่วย" Thiago กล่าว อย่างไรก็ตาม เขาอธิบายว่าการตรวจเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องอาศัยสัญญาณทางคลินิกที่ตาแสดงด้วย ตัวอย่างเช่น Uveitis เป็นโรคที่ทำให้ความดันลดลง ในขณะที่โรคต้อหินจะเพิ่มความดันขึ้น “ดังนั้น เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันและแสดงพร้อมกัน กลายเป็นว่าฝ่ายหนึ่งชดเชยอีกฝ่ายและเราก็มีความกดดันตามปกติ ดังนั้นบางครั้งจึงไม่สามารถพึ่งพาแรงกดดันได้มากนัก” เขาสรุป

การรักษาโรคต้อหินในแมวทำได้โดยใช้ยาหยอดตา เลเซอร์ หรือการปลูกถ่าย

มีบางวิธีที่จะ การรักษาโรคต้อหินในแมวขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์โดยจักษุแพทย์สัตวแพทย์เป็นส่วนใหญ่ สามารถใช้ยาหยอดตา การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือแม้แต่การฝังลิ้นในดวงตาของสัตว์ได้ อย่างไรก็ตาม จักษุแพทย์อธิบายว่าหลายครั้งการรักษามีข้อจำกัดและล้มเหลว ดังนั้นการสูญเสียดวงตาจึงเป็นผลมาจากโรคนี้ “ยาตอบสนองน้อยมาก โดยปกติแล้วตาที่เอาออกจะต้องอ้างถึง กห้องปฏิบัติการทางพยาธิวิทยาเพื่อทราบว่าเหตุใดตาจึงก้าวหน้าไปในลักษณะนี้และในอัตรานี้” ในกรณีของโรคต้อหินทุติยภูมิ การรักษาโรคที่ทำให้เกิดปัญหานี้เป็นสิ่งสำคัญมาก

โรคต้อหินในแมว: จะป้องกันปัญหาได้อย่างไร

หากคุณกังวลเกี่ยวกับลูกแมวของคุณ และต้องการทราบว่ามีวิธีใดที่จะป้องกันไม่ให้เขาเป็นต้อหิน วิธีเดียวที่จะ ทำด้วยการตรวจสุขภาพบ่อยๆ การติดตามผลกับผู้เชี่ยวชาญนี้เท่านั้นที่จะสามารถตรวจพบโรคได้ทันเวลา ป้องกันไม่ให้กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ การสังเกตหนวดของคุณทั้งตัวก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจาก Thiago ชี้ให้เห็นว่า “สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงในแมวคือปัญหาของฟัน เป็นสิ่งสำคัญมากที่เราจะต้องดูแลฟันและทำการรักษาปริทันต์ เพราะแม้ว่าจะพบได้น้อยกว่าในสุนัข แต่แมวก็สามารถมียูเวียอักเสบรองจากแบคทีเรียบางชนิดที่มาจากปากได้ แต่การป้องกันโรคต้อหินในแมวโดยพื้นฐานแล้วนั้นขึ้นอยู่กับการป้องกันโรคทางระบบที่อาจส่งผลต่อ uvea ทำให้เกิด uveitis และต่อมาคือต้อหิน”